สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดกำลังพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 23.2 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,585.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.517 ดอลลาร์ ปิดที่ 38.151 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.2 เซนต์ ปิดที่ 4.4035 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 30.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,767 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 16.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 784 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินยูโรของรัฐบาลไอร์แลนด์ลงสู่ระดับ Ba1 หรือ "ระดับขยะ" จากระดับ Baa3 โดยระบุว่า ไอร์แลนด์อาจจะจำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ไอร์แลนด์นับเป็นประเทศที่ 3 ในกลุ่มยูโรโซนที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับขยะหรือต่ำกว่าระดับที่น่าลงทุน หลังจากที่โปรตุเกสและกรีซถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดกำลังพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการ QE3 ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยกระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ