ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงหลัง"เบอร์นันเก้"ระบุเฟดพร้อมใช้ QE3

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 14, 2011 06:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม หรือ QE3 หากพบว่าภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจยืดเยื้อยาวนานและมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และหนุนยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้หลายประเทศในยูโรโซนถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ "ขยะ" แล้วก็ตาม

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4142 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3976 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.22% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6108 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5914 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.40% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8172 ฟรังค์ จากระดับ 0.8288 ฟรังค์ แต่ขยับขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.970 เยน จากระดับ 78.730 เยน

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0739 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0601 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.8351 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8176 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากเบอร์นันเก้ แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการ หรือ QE3 หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง รวมทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งบัญชีสำรองเงินฝากไว้กับเฟด เพื่อสนับสนุนธนาคารพาณิชย์ให้สามารถปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันหลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสเตือนว่า มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ AAA เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากที่รัฐสภาสหรัฐจะไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 2 ส.ค.

นายจอห์น โบเนอร์ โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความกังวลว่า หากรัฐสภาสหรัฐไม่อนุมัติการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางได้ก่อนกำหนดวันที่ 2 ส.ค.ก็จะทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของยุโรป โดยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2554 ขยายตัว 9.5% ขณะที่ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 14.3% และยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 16.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า การประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการตามแผนลดการใช้จ่าย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายจากความกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่าอิตาลีอาจจะเป็นประเทศต่อไปที่จะเผชิญกับปัญหาหนี้

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนมิ.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.308 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือลดลง 37% จากเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วที่ระดับ 6.842 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษียังคงเพิ่มขึ้น

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ