หอการค้าไทยห่วงขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน กระทบ SMEs-นักลงทุนย้ายฐานหนี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 14, 2011 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยเป็นห่วงนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็นวันละ 300 บาท เพราะภาคเอกชนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศจำนวนมากวิตกกังวลว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(SMEs) ที่จะได้รับผลกระทบหนักจนอาจต้องลดแรงงานและล้มเลิกกิจการได้

"เท่าที่คุยกับหอการค้าญี่ปุ่น บอกเลยว่าบริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นจ่ายค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 300 บาทอยู่แล้ว แต่เขาเกรงว่าถ้าขึ้นค่าแรงทันที 300 บาทจะกระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งส่วนมากเป็น SMEs และอาจทำให้กลุ่มนี้ต้องล้มหายตายจาก และบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นอาจต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากแหล่งอื่นแทน รวมทั้งอาจย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เช่น อินโดนีเซีย เพราะมีค่าแรงถูกกว่าไทยมาก"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ไปสำรวจสมาชิกหอการค้าไทย ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และ SMEs ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททันที รวมถึงแนวทางที่จะให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพื่อจะได้นำข้อมูลที่ได้ไปหารือกับรัฐบาลใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวหรือหาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมมากกว่านี้

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงทันที 300 บาทจะกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างมาก โดยประเมินว่าผู้ประกอบการจะต้องใช้เงินสูงถึงปีละ 140,000 ล้านบาทในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันตามนโยบายของรัฐบาลใหม่

โดยจำนวนนี้ยังไม่รวมจำนวนเงินที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับขึ้นให้กับผู้จบปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท/เดือนอีก ซึ่งอาจส่งผลทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ขณะเดียวกันการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะลดลงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ