นายวรพจน์ สัจจาวัฒนา นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเพื่อการค้า นครราชสีมา เปิดเผยว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสานที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยขอฝากความหวังไว้กับคณะรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากผิดหวังกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่ใช้วิธีการกดราคาสินค้า โดยไม่คำนึงถึงความอยู่รอด
เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากถูกคุมราคาขายสุกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ขณะที่ราคาต้นทุนในการเลี้ยงและผลิตจริงอยู่ที่กิโลกรัมละ 75-80 บาท และภาครัฐยังต้องเร่งขายสุกรก่อนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อพยุงปริมาณสุกรให้สมดุลเพียงพอต่อปริมาณความต้องการของตลาด ส่งผลให้เกษตรกรต้องสูญเสียค่าเสียโอกาสการตลาดที่ควรได้รับที่ 5-10 กิโลกรัมต่อตัว หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 350-700 บาทต่อตัว หากคำนวนจากราคาที่ถูกควบคุมที่ 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงอยากให้ผู้บริโภคเห็นใจผู้เลี้ยงด้วย
นายวรพจน์ กล่าวว่า ภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 53 เพิ่มขึ้นคิดเป็น 22-25% โดยมีสาเหตุจากผลผลิตสุกรที่ลดลงจากภาวะโรคระบาดและอากาศที่แปรปรวนจำนวนมากถึง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงมีความจำเป็นต้องขายสุกรในขณะที่มีน้ำหนักเพียง 95-100 กิโลกรัมต่อตัว จาก 105 กิโลกรัมต่อตัวในภาวะปกติที่เหมาะสมแก่การขาย เมื่อบวกค่าเสียโอกาสฯข้างต้นจะทำให้ราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ 75-80 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงต้องอดกลั้นแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเสียโอกาสการตลาดที่ควรจะได้รับไปจำนวนไม่น้อย
ทั้งนี้ ตัวเลขภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสุกรที่มีน้อยไม่เพียงพอต่อการบรรจุรถใหญ่ในการขนส่ง จึงมีความจำเป็นต้องใช้รถเล็ก ซึ่งค่าใช่จ่ายไม่ต่างกัน หรือกล่าวได้ว่าขนส่วจำนวนสุกรต่อครั้งได้น้อยลงภายใต้ภาระค่าใช้จ่ายเท่าเดิม