นายโกวิท ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ภาคอุตสาหกรรมมีผลวันนี้เป็นวันแรก มีสัญญาณจากผู้ประกอบการเซรามิก โดยเฉพาะรายเล็กเตรียมปิดกิจการแล้วไม่น้อยกว่า 30% เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้าระหว่างไทยและจีน ทำให้สินค้าเซรามิกจีนเข้ามาแย่งตลาดไทย ตั้งแต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับ ต้นทุนค่าแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นด้วย
หากพิจารณาต้นทุนของผู้ประกอบการเซรามิก พบว่า ต้นทุนค่าแรงงาน และค่าก๊าซ LPG อยู่ในสัดส่วน 30% ของต้นทุนรวม ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่สูงสุดเมื่อเทียบกับต้นทุนด้านอื่น ๆ รองลงมาคือต้นทุนค่าดินและค่าไฟฟ้าที่ 15% ส่วนที่เหลืออีก 8% เป็นต้นทุนค่าสีและสารเคมี และอีก 2% เป็นต้นทุนค่าน้ำ
ช่วงเย็นวันนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิกจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปแนวทางในการรับมือกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น หลังจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ภาคอุตสาหกรรม 3 บาท/กิโลกรัม มีผลวันนี้เป็นวันแรก โดยทางกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ยังย้ำจุดยืนที่จะเสนอขอให้รัฐบาลทบทวนเป็นการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ปีละ 3 บาท/กิโลกรัมแทนการปรับเป็นรายไตรมาส
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทัน และเป็นแนวทางที่กระทบต่อหน่วยงานอื่นน้อยที่สุด หรือไม่รัฐบาลจะต้องมีแนวทางช่วยเหลืออย่างอื่น เช่น การช่วยเหลือทางด้านภาษี เข้ามาบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการ เพราะไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการอาจจะอยู่ไม่ได้และต้องทยอยปิดตัวไปในที่สุด