นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตเตรียมเสนอแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลใหม่ที่คาดว่าจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเพิ่มเติมตามแนวนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยจะเสนอรูปแบบการจัดเก็บภาษีภายใต้คอนเซ็ปต์"สรรพสามิตสีเขียว"ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่การเก็บภาษีสินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือภาษีประเภทที่เรียกว่า Sin tax และ Ear Mark Tax
พร้อมไปกับการเสนอแนวทางการใช้มาตรการภาษีส่งเสริมสินค้าและกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาจจัดตั้งเป็นกองทุนขึ้นมาบริหารเงินภาษี Ear Mark Tax เพื่อคืนเงินหรือลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ให้รวดเร็วมากขึ้นเหมือนกับการคืนภาษีของกรมสรรพากรหรือกรมศุลกากร ซึ่งคาดว่าจะใช้รูปแบบของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)เป็นต้นแบบ
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า สินค้าที่อยู่ในข่ายต้องปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตหรือนำมาเข้าสู่ระบบกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เช่น รถยนต์ แบตเตอรี่ เครื่องปรับอากาศ สนามกอล์ฟ น้ำมันหล่อลื่น ยาฆ่าแมลง ยางรถยนต์ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายยาก เป็นต้น พร้อมทั้งปรับโครงสร้างการจัดภาษีสินค้าบางประเภทให้เหมาะสม เช่น ภาษีบุหรี่จะจัดเก็บจากราคาขายปลีก ภาษีสุรา ภาษีการพนัน และ ภาษีสถานบันเทิง เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมอาจจะมีการเสนอให้แก้ไขอุปสรรคต่อการจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน เช่น คำนิยามของสถานบริการที่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิต ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำหนดว่าหากไม่มีฟลอร์เต้นรำ ก็ไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษีสถานบริการประเภทไนท์คลับ ดิสโก้เธค แต่สภาพปัจจุบันสถานบริการส่วนใหญ่เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว
รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่จะต้องจัดเก็บจากรูปแบบเครื่องยนต์ แทนการจัดเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ เพื่อสนับสนุนรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาใช้เชื้อเพลิงทดแทน และอาจมีการเก็บภาษีจากกรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมาก แต่อาจจะต้องหารือกับกรมขนส่งทางบก ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บภาษีป้ายทะเบียนรายปีด้วย