นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมิ.ย.54 ว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย. ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 21,074 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าในเดือนมิ.ย. ขยายตัว 26.1% คิดเป็นมูลค่า 19,806 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในเดือนนี้ไทยมียอดเกินดุลการค้า 1,268 ล้านดอลลาร์
ส่วนการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกนี้ (ม.ค.-มิ.ย.54) การส่งออกขยายตัว 23.6% คิดเป็นมูลค่า 114,978 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าขยายตัว 28.5% คิดเป็นมูลค่า 111,531 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกไทยเกินดุลการค้า 3,447 ล้านดอลลาร์
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.นี้ ขยายตัวได้ดีในทุกกลุ่มสินค้า โดยสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 6.1% สินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ สิ่งพิมพ์ โตถึง 148.8%, ผลิตภัณฑ์ยาง โต 32.3% เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก โต 28.3% เป็นต้น ส่วนสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม ขยายตัวถึง 48.9% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว โต 50.6% สินค้าอาหาร โต 50.5% และยางพารา โต 48.5%
ส่วนการส่งออกเป็นรายตลาดนั้น พบว่าขยายตัวได้ดีทุกกลุ่มเช่นกัน โดยตลาดหลัก (Matured Market) ส่งออกเพิ่มขึ้น 19% เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงของญี่ปุ่น ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปชะลอตัวลง, สำหรับตลาดศักยภาพสูง(Dynamic Market) ส่งออกเพิ่มขึ้น 21.9% เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงทุกตลาด โดยเฉพาะเกาหลีใต้, อินเดีย, ไต้หวัน, ฮ่องกง และจีน สำหรับตลาดศักยภาพรอง(Emerging Market) การส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ คือเพิ่มขึ้น 11.4% เนื่องจากการส่งออกไปยังรัสเซีย และกลุ่ม CIS, แคนาดา และแอฟริกา ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับภาวะการค้าชายแดนในเดือนมิ.ย.54 มีมูลค่าการค้ารวม 76,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% โดยเป็นการค้ากับประเทศมาเลเซียมูลค่าสูงสุด 48,434 ล้านบาท ทั้งนี้หากแยกเป็นการส่งออกพบว่ามีมูลค่า 47,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% การนำเข้า เพิ่มขึ้น 8.1% ส่งผลให้ในเดือนมิ.ย.นี้ ไทยเกินดุลการค้าชายแดน 17,779 ล้านบาท โดยได้ดุลการค้าจากมาเลเซียมากสุดที่ 12,923 ล้านบาท
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในปีนี้ ขณะที่ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปก็เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลให้ยอดการส่งออกสินค้าไทยไปยุโรปลดลงเช่นกัน เพียงแต่จะเพิ่มขึ้นในอัตราเท่าใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปี 54 ไว้ที่โต 15% และมองว่าการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลใหม่ก็อาจจะทำให้การส่งออกทั้งปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้สูงถึง 20%
"เรายังคงเป้าส่งออกไว้ที่ 15% แต่เชื่อว่ารัฐบาลใหม่มีฝีมือมาก น่าจะไปได้ถึง 20% แต่นี่ไม่ใช่เป็นการกดดันการทำงานของรัฐบาลใหม่" นางพรทิวา กล่าว
พร้อมกับฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดูแลงานด้านการค้าระหว่างประเทศว่าให้ช่วยรักษามูลค่าการค้าไว้ให้อยู่ในระดับที่เกินดุล รวมทั้งขยายการส่งออกในกลุ่มตลาดบนให้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการดูแลผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก(SMEs) ให้ทั่วถึง และการใช้ประโยชน์จากการมีข้อตกลงเปิดเสรีการค้า(FTA) ให้มากที่สุดด้วย