สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) หลังจากที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ ซึ่งรวมถึงการให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ย ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ในยุโรป ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.29% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4401 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4217 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6306 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6153 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.400 เยน จากระดับ 78.790 เยน และดิ่งลง 0.56% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8149 ฟรังค์ จากระดับ 0.8195 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.82% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0834 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0746 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.75% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8628 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8564 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเช้านั้น สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่กับกรีซ โดยเยอรมนีและฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในยุโรปและเป็นแกนนำในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับนานาประเทศในยูโรโซน
สกุลเงินยูโรได้ปัจจัยบวกมากขึ้นเมื่อที่ประชุมฉุกเฉินของผู้นำยุโรปมีมติให้ความช่วยเหลือด้านการเงินรอบที่ 2 สำหรับกรีซ ด้วยวงเงินรวม 1.09 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน ผู้นำยุโรปมีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินต้นให้กับกรีซ เหมือนกับที่เคยให้ไอร์แลนด์และโปรตุเกสมาแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำยุโรปยังเห็นชอบให้มีการดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนในการให้ความช่วยเหลือกรีซ พร้อมกับเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ให้สามารถจัดหาเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาด้านการเงินก่อนที่จะเกิดวิกฤติ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะถอนรากถอนโคนปัญหาหนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกดดันอย่างหนักหลังจากเอสแอนด์พีเตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของสหรัฐในระยะใกล้นี้ หากรัฐสภาสหรัฐไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 418,000 ราย
ขณะที่ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่นลดลง 1.6% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 5,775.9 พันล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แต่การที่ยอดนำเข้าเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่นขยายตัว 9.8% สู่ระดับ 5,705.2 พันล้านเยน ทำให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 7.07 หมื่นล้านเยน ซึ่งทำสถิติเกินดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน