สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันเมื่อ 3 วันทำการก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งที่สองจะสามารถยับยั้งการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรปได้ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังพุ่งขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่สถานที่ราชการในเมืองออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 14.5 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,601.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,583.20-1,607.70 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 40.122 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.175 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 4.41 ดอลลาร์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น 2.65 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,798.40 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 10.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 806.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.60 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า สัญญาทองคำพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่อาคารราชการกลางกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งถือเป็นการก่อการร้ายครั้งแรกของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 2คน
"โดยปกติแล้วเมื่อเกิดเหตุก่อการร้ายหรือสงคราม ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัย" ดาลีกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความไม่มั่นใจว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสองมูลค่า 1.09 แสนล้านยูโรจะสามารถยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ในยุโรปได้
"วิกฤติหนี้กรีซกรีซยังคงอยู่ห่างไกลจากคำว่าสิ้นสุด แม้กรีซได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ก็ตาม วิกฤติหนี้ในกลุ่มประเทศอียูมีแนวโน้มที่จะลุกลามและจะยิ่งทำให้ภาวะเศรษฐกิจในอียูมีความเปราะบางมากขึ้น" ดาลีกล่าว
นอกเหนือจากวิกฤติหนี้ยุโรปแล้ว นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงเนื่องจากการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐมีความคืบหน้าน้อยมาก