ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสองจะสามารถสกัดกั้นการลุกลามของปัญหาหนี้ในยุโรปได้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า สหรัฐอาจสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.42% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4421 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.09% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6297 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6312 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.430 เยน จากระดับ 78.420 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8180 ฟรังค์ จากระดับ 0.8152 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.11% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0851 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0839 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8646 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8625 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าวิกฤติหนี้สาธารณะจะไม่ลุกลามในยุโรป แม้ที่ประชุมผู้นำยูโรโซนมีมติให้ความช่วยเหลือกรีซรอบที่ 2 เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1.09 แสนล้านยูโร โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมวิกฤติหนี้ในยูโรโซนที่ยืดเยื้อมานานถึง 18 เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำยุโรปยังมีมติเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนในการแก้ปัญหาหนี้กรีซโดยสมัครใจ โดยประมาณการว่า ภาคเอกชนจะช่วยรับภาระการแก้ปัญหาหนี้กรีซมูลค่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลของกรีซลงสู่ระดับผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากการดึงภาคเอกชนและธนาคารพาณิชย์เข้ามามีส่วนแบกรับปัญหาหนี้กรีซนั้น อาจทำให้ธนาคารเหล่านั้นขาดทุน และอาจทำให้ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซสู่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้ในวงจำกัด" (restricted)
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับสูงสุดที่ AAA โดยระบุว่ามูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า รัฐสภาสหรัฐจะไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางได้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 4 ส.ค.นี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้