กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า เศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากสหรัฐไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนกำหนดวันที่ 2 ส.ค. พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐเร่งปรับเพิ่มเพดานหนี้เพื่อไม่ให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
"สหรัฐควรปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง เพื่อจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดการเงินทั่วโลก" ไอเอ็มเอฟกล่าวในรายงานการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐประจำปี
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐจะมีอยู่สูงถึง 99% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐในปี 2555 เป็น 103% ของจีดีพี
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.5% น้อยกว่าปี 2553 ที่ขยายตัว 2.9%
การเปิดเผยรายงานของไอเอ็มเอฟมีขึ้นในขณะที่การเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา และผู้นำในสภาคองเกรสยังไม่มีความคืบหน้าจนถึงขณะนี้ ซึ่งผู้นำในสภาคองเกรสที่ร่วมเจรจาครั้งนี้ รวมถึงนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ นายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐมียอดเงินกู้ชนเพดานหนี้ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกระทรวงคลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐอาจเริ่มเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 2 ส.ค.นี้
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อนกำหนดวันที่ 2 ส.ค. ก็จะส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกอีกครั้ง