ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดหากสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หรือถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.93% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4508 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4374 ยูโร และดิ่งลง 0.84% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6409 ปอนด์ จากระดับ 1.6273 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.910 เยน จากระดับ 78.280 เยน และอ่อนตัวลง 0.57% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8014 ฟรังค์ จากระดับ 0.8060 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0841 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8696 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8640 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักซินหัวรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยพรรครีพับลิกันพยายามผลักดันแผน 2 ฉบับที่จะทำให้เพดานหนี้ของรัฐบาลกลางปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรคเดโมแครตกลับไม่เห็นด้วย และพยายามผลักดันให้รัฐบาลลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายหลังการเลือกตั้งในปีหน้า
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยอมประนีประนอมในเงื่อนไขการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพราะใกล้จะถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 2 ส.ค.ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังระบุว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้อย่างแน่นอนหากไม่มีการปรับเพดานหนี้
คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.5 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 57.6 จุด ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐลดลง 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในเดือนพ.ค.
ส่วนค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
นักลงทุนยังจับตาดูผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 2 จะขยายตัวเพียง 1.8% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 1.9% และเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย.