กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐปรับตัวลดลง 1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา
ยอดขายบ้านใหม่ที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลในเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 312,000 ยูนิตต่อปี จากระดับ 315,000 ยูนิตที่ได้รับการปรับทบทวนในเดือนพฤษภาคม แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิถุนายน 2553 ที่ระดับ 307,000 ยูนิตอยู่ 1.6%
สำหรับราคาบ้านใหม่ที่ประกาศขายในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นแตะ 235,200 ดอลลาร์สหรัฐจากระดับ 222,400 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคมปีนี้
ทั้งนี้ อัตราการเริ่มสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวมีสัดส่วนราว 70% ของยอดการก่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหมดในประเทศ ซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยวและอพาร์ทเม้นท์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังเผชิญกับผลกระทบของภาวะตกต่ำที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ภาวะขาลงของราคาบ้าน และตัวเลขบ้านหลุดจำนองที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ตลอดจนวิกฤตสินเชื่อที่ยังยืดเยื้อเป็นปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม