นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เชื่อว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 ล้านตัน เนื่องจากการส่งออกข้าวไทยใน 6 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณทั้งสิ้น 6.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 107,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในด้านปริมาณ 58.26% และเพิ่มขึ้นในด้านมูลค่า 37.3% สูงสุดในรอบ 6 เดือน
"ปีนี้ข้าวไทยส่งออกเฉลี่ยเกินเดือนละ 1 ล้านตัน นับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ก็มั่นใจว่าปริมาณข้าวในประเทศมีเพียงพอต่อการบริโภคภายในและการส่งออก" นางสาวกอบสุข กล่าว
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกข้าวไทยมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้เนื่องจากอินโดนีเซียและบังคลาเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติ และทำให้เร่งนำเข้าข้าว เพื่อสำรองข้าวในประเทศ รวมทั้งเกิดจากการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลไทยในช่วงปลายปีที่แล้ว
ส่วนสถานการณ์ด้านราคาข้าวในตลาดโลก ขณะนี้ ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 545-550 ดอลลาร์ฯ/ตัน ขณะที่ราคาข้าวไทยอยู่ที่ตันละ 535 ดอลลาร์ฯ/ตัน
นางสาว กอบสุข กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูผลกระทบจากโครงการรับจำนำด้วยว่า เพราะจะทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นจาก ตันละ 500 ดอลลาร์ฯ/ตัน ไปเป็น 840 ดอลลาร์ฯ/ตัน ซึ่งจะทำให้แข่งขันได้ยากขึ้น
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เชื่อว่า หลังเริ่มโครงการรับจำนำราคาข้าวจะสูงขึ้นอีกหลายร้อยดอลลาร์ ซึ่งต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะช่วยเหลือผู้ส่งออกอย่างไรได้บ้าง
ขณะที่นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นขณะนี้เป็นเพราะอยู่ในช่วงปลายฤดูข้าวนาปรังรอบแรกทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดใหม่จะทำให้ราคาข้าวที่จะส่งออกปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้นในช่วงนี้
แต่ในส่วนของราคาข้าวเปลือกและราคาข้าวถุงในขณะนี้ยังคงสอดคล้องกัน ดังนั้นผู้ประกอบการข้าวถุงจึงยังไม่ควรขึ้นราคา แต่หากในระยะต่อไปเมื่อเปิดโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งอาจจะทำให้ราคาข้าวเปลือกปรับสูงขึ้น และจะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการข้าวถุงสูงขึ้น ก็จะให้ผู้ประกอบการมาหารือถึงแนวทางการปรับราคาได้