นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เวียดนามได้เพิ่มความเข้มงวดระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรประเภทผักและผลไม้ เพื่อควบคุมมาตรฐานผักและผลไม้ที่ทะลักเข้าเวียดนามเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการเปิดตลาดเสรีการค้าอาเซียน-จีน ทำให้ผู้ประกอบการจากไทยได้รับผลกระทบจากการเพิ่มความเข้มงวดในครั้งนี้ด้วย
กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรได้มีการเปิดการเจรจากับเวียดนามเพื่อผ่อนปรนมาตรการ ซึ่งทางเวียดนามได้ยอมให้ไทยนำเข้าผลไม้สด จำนวน 6 รายการได้แก่ ลางสาด ลองกอง มะม่วง มังคุด เงาะ และลำไย ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นมา ทั้งนี้ผู้ส่งออกจะต้องมี ใบรับรองสารพิษตกค้าง ใบรับรองว่าไม่มีสารต้องห้ามตาม WTO และใบรับรอง GAP โดยต้องส่งให้ด่านศุลกากรเวียดนามก่อน 24 ชม.ที่สินค้าจะไปถึงด่าน อย่างไรก็ตาม กรณีสินค้าเกษตรอื่นๆที่เหลือ ทางเวียดนามจะใช้เวลา 1 เดือน ในการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้นำเข้าจากไทยหรือไม่
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษาระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนาม ให้เข้าใจอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการส่งออกอีก โดยระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เข้มงวดขึ้น มีจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1.Decision No. 48/2007/QD ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สินค้าผัก/ผลไม้ต้องมีใบรับประกันคุณภาพ (Health Certificate) จากหน่วยงานควบคุมของประเทศต้นทาง ซึ่งในประเทศไทยคือ กรมวิชาการเกษตร
2.Circular No. 13/2011 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2554 โดยสาระสำคัญ คือ สินค้าต้องผลิตในประเทศที่ CA (Competent Authority)เวียดนามให้การรับรอง ต้องมีการระบุรายละเอียดสินค้าเป็นภาษาเวียดนาม ถ้ามีการดัดแปลงพันธุกรรมหรือฉายรังสี ต้องมีเอกสาร CFS (Certificate of Free Sale) และการตรวจสอบสินค้าในเวียดนาม (ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมวิชาการเกษตร หรือ เว็บไซต์ของ NAFIQAD)
นายสุรศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มความเข้มงวดดังกล่าว จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในระยะยาว เนื่องจากเป็นการเพิ่มมาตรฐานสินค้าเกษตรไทยที่จะออกสู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งกำลังจะกลายเป็นประชาคมเศรฐกิจอาเซียนในปี 2558 และในอนาคตประเทศคู่ค้าของไทยส่วนใหญ่จะกำหนดระเบียบความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) ภายใต้ความตกลง WTO ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล เพื่อปกป้องผู้บริโภคภายในประเทศ
อนึ่ง ปี 2553 ไทยส่งออกสินค้าผัก/ผลไม้ ไปเวียดนาม มูลค่า 744.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2552 ร้อยละ 17.09 ในปี 2554 (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกมูลค่า 370.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.32 จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งส่งออก 442.2 ล้านบาท และคาดว่าในอนาคตหากเวียดนามรับรองข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในสินค้าผักและผลไม้ของไทยจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็น CA ของไทย จะส่งผลให้การส่งออกผักและผลไม้ของไทยไปยังเวียดนามขยายตัวเพิ่มขึ้น