ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ชี้ประเทศต่างๆในเอเชียจำเป็นต้องรับมือกับแรงกดด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในระบบเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะอ่อนตัวลงก็ตาม โดยเอเชียอาจจะใช้นโยบาการเงินและการคลัง รวมทั้งนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ADB ได้เปิดเผยรายงาน Asia Economic Monitor ในวันนี้ ซึ่งมีใจความระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนในตลาดการเงินมากขึ้น รวมทั้งกระแสเงินทุนหมุนเวียนที่ขาดเสถียรภาพ
ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของประเทศต่างๆในเอเชียได้อนุมัติให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ธนาคารกลางจีน อินเดีย ไทย และไต้หวันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่วิกฤตหนี้ยุโรปและอัตราว่างงานในสหรัฐที่สูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก และยังทำให้หุ้นทั่วโลกร่วงลงนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.
ADB ระบุว่า เมื่อเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ช้าลงนั้น ประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของการควบคุมเงินเฟ้อ และการจัดการกระแสเงินทุนหมุนเวียนด้วยความยากลำบาก ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภูมิภาคนั้นสูงขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ADB อาจจะทบทวนปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกในปีนี้ลง จากเดิมที่คาดการณ์ว่า จะขยายตัว 7.9%
สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อนั้น อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศในเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และยังปรับตัวขึ้นสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายที่ทางการกำหนดไว้ เนื่องจากรัฐบาลชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงิน ในขณะที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศฟื้นตัวขึ้นจากช่วงขาลง