บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มสินเชื่อช่วงครึ่งหลังของปี 54 แม้ว่าผลของฐานอาจทำให้อัตราการเติบโตชะลอลงเข้าหาระดับ 9.5-12.5% โดยมีอัตราการเติบโตกรณีพื้นฐานที่ 10.5% แต่ก็ยังไม่สามารถให้ความมั่นใจว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะฟื้นตัวจาก 3.16% ในช่วงครึ่งปีแรกได้อย่างชัดเจน ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาโดยเฉพาะจากฝั่งเงินฝากที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในไตรมาสก่อนๆ หน้าที่กำลังไล่หลังมา
ขณะที่ด้านสถานการณ์ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก็เผชิญความท้าทายมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่จังหวะการใช้ค่าธรรมเนียมการให้บริการทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มใหม่อย่างเต็มที่ และค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม Bancassurance ที่กรมธรรม์บางประเภทอาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ตารางมรณะกรรมใหม่ในเดือน ส.ค.54 และการปรับตัวเพื่อรับกับแนวทางการสร้างบรรทัดฐานของธุรกิจนายหน้าประกันของ คปภ.ในอนาคต
แต่สิ่งที่ท้าทายกว่า อาจเป็นการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 55 โดยแม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยจะเป็นบวกมากขึ้น แต่บางนโยบายของรัฐบาลใหม่ อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจธนาคารพาณิชย์ผ่านความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า รวมถึงผลกระทบทางตรงต่อการบริหารจัดการสภาพคล่องและการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากเตรียมลดวงเงินฝากคุ้มครองลงเหลือเพียง 1 ล้านบาท/ราย/สถาบันการเงินเท่านั้น
นอกจากนี้ ก็ยังมีนโยบายของทางการในการเน้นความคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น ตลอดจนการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชนและเพิ่มการแข่งขันในระบบ ซึ่งอาจออกมาในรูปของการพิจารณาให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจในบางสาขา อันอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจหลายๆ ด้านของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการรักษาความสามารถในการแข่งขันในอนาคต
สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 54 ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีกำไรสุทธิ 7.71 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 38.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นมาที่ 3.16% เทียบกับประมาณ 3.07% ในปี 2553
ทั้งนี้ ภาพความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเกือบ 16% จากปีก่อน จาก 12.0% ณ สิ้นปี 2553 ขานรับกับการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนในญี่ปุ่นได้ดีกว่าคาดเช่นกัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัวสูง อันทำให้ภาคธุรกิจมีความต้องการสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง