Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้การประนีประนอมเป็นหนทางเดียวที่จะผ่าทางตันเพดานหนี้สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Friday July 29, 2011 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในขณะที่กำหนดเส้นตายที่สหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้กำลังใกล้เข้ามานั้น นักการเมืองในสหรัฐยังคงเสียเวลาอันมีค่าไปกับการต่อรองเงื่อนไขการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพียงเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับพรรคของตนเอง ก่อนที่การเลืองตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเปิดฉากขึ้นในปี 2555

สาเหตุของหนี้สินล้นพ้นตัว

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า สงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก รวมทั้งมาตรการลดภาษีในสมัยที่จอร์จ ดับเบิลยู บุช ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง และยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หนี้สินของสหรัฐสูงขึ้น

เพดานการกู้ยืมของรัฐบาลกลางสหรัฐได้พุ่งชนเพดาน 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐจะเริ่มผิดนัดชำระหนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 2 ส.ค.

ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับสิทธิให้กู้ยืมเพื่อนำมาใช้ในการชำระหนี้ที่เป็นพันธกรณีทางกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมถึงผลประโยชน์ด้านประกันสังคมและประกันสุขภาพ, เงินเดือนทหาร, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วประเทศ, เงินคืนภาษี และค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ

นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเร่งแก้ปัญหาเรื่องเพดานหนี้ในทันที และดำเนินการปรับนโยบายการคลังให้มีความน่าเชื่อถือโดยเร็ว

ผลลัพธ์ที่อาจก่อให้เกิดหายนะ

เนื่องจากสหรัฐมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก จึงทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การผิดนัดชำระหนี้ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงินทั่วโลก และทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ AAA

ผลการศึกษาของ Bipartisan Policy Center ระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะจัดเก็บรายได้ในเดือนส.ค.ได้ประมาณ 1.72 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องจ่ายในเดือนดังกล่าวที่ระดับ 3.06 แสนล้านดอลลาร์

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์เตือนหลายครั้งว่า การใช้เพดานหนี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองนั้น ถือเป็น "เกมที่อันตราย" เพราะการผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนของสหรัฐสูงขึ้น และจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐเองด้วย

ด้านนางลาการ์ดเตือนว่า ภาวะเงินคงคลังหดตัวอย่างรุนแรงของสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อประเทศอื่นๆทั่วโลก ในขณะที่ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า "โลกกำลังจับตาดู" การเจรจาเพดานหนี้ที่กำลังสะดุดลง และการผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต, เงินกู้จำนอง และเงินกู้ซื้อรถยนต์ พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะกลับไปเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่

ไม่เต็มใจที่จะทำให้มีความคืบหน้า

การปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐได้กลายมาเป็นงานเชิงสัญลักษณ์ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากเพดาหนี้ของสหรัฐได้ถูกปรับเพิ่มมาแล้วถึง 74 ครั้งนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2505 ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่ม 18 ครั้งในยุคที่โรนัลด์ เรแกน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และ 7 ครั้งในยุคของจอร์จ ดับเบิลยู บุช

แต่พรรครีพับลิกันพยายามขัดขวางการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในปีนี้ เพื่อบีบให้คณะทำงานของโอบามาพยายามลดการใช้จ่ายของรัฐบาลลงให้มากที่สุด และเพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ทางพรรคเคยให้ไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกลางเทอม

ประธานาธิบดีโอบามาต้องการให้เพดานหนี้ถูกปรับขึ้นในปริมาณที่สูงพอที่จะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบทางการเมือง และเพื่อเป็นการหยั่งเสียงก่อนที่เขาจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2555

แต่พรรครีพับลิกันเสนอทางออกแบบ 2 ขั้นตอน โดยทางพรรคเต็มใจที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้ให้รวดเร็วเพียงพอที่จะช่วยให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ แต่เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวไม่สูงพอ จึงทำให้รีพับลิกันอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าคณะทำงานของโอบามา ก่อนที่การเลือกตั้งสมัยหน้าจะมาถึง

ในขณะที่กำหนดเส้นตายกำลังใกล้เข้ามานั้น โอบามาก็ออกโรงสนับสนุนแผนประนีประนอมของนายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรคเดโมแครต โดยแผนการนายรี้ดมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเพดานหนี้อีก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงปี 2555 และลดยอดขาดดุลงบประมาณลง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า แต่แผนการดังกลาวก็ยังไม่ได้รับเสียงสนับสนุนที่มากพอจากพรรครีพับลิกันจนถึงขณะนี้

หลังจากที่โอบามาออกแถลงการณ์ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น โอบามาก็ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยโบห์เนอร์กล่าวว่า ขณะนี้โอบามาพยายามทำทุกอย่างเพียงเพื่อจะได้ "เช็คเปล่า" และเขาจะไม่มีวันได้ ซึ่งการตอบโต้อย่างทันควันของโบห์เนอร์สะท้อนให้เห็นว่า ช่องว่างเรื่องการเจรจาเพดานหนี้ระหว่างสองพรรคยิ่งกว้างมากขึ้น

แผน 2 ขั้นตอนของพรรครีพับลิกันกำหนดว่า สภาคองเกรสจะต้องเพิ่มเพดานหนี้อีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงต้นปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลจะต้องลดการใช้จ่ายลงให้ได้ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แผนฉบับใหม่ของรีพับลิกันมีเจตนาที่จะทำให้การผ่านร่างงบประมาณฉบับอื่นๆ ช้าลงในช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี และแทบไม่มีโอกาสที่แผนการดังกล่าวจะผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แผน 2 ขั้นของนายรี้ดนั้น ก็ยากที่จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรได้ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 2 ส.ค.ด้วยเช่นกัน

การประนีประนอมเป็นทางออกเดียว

ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมถึง รอน ฮาสกินส์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Brookings Institution เชื่อว่า พรรครีพับลิกันซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มทีปาร์ตี้นั้น ได้ทำให้พลวัตในการเจรจาในสหรัฐเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่รีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรในปีที่แล้ว ขณะเดียวกันรีพับลิกันพยายามกดดันรัฐบาลอย่างหนัก ให้เร่งปรับลดการใช้จ่ายและยกเลิกการขึ้นภาษีที่สำคัญๆ

ทัศนะคติแบบ "ฉันเดินบนทางฉันเอง" ของสมาชิกหลายคนในพรรครีพับลิกันส่งผลให้ทางพรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าการวางหมากค้ำยันทางการเมืองเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการปล้นบรรยากาศในการเจรจาเพดานหนี้ และยังทำให้การเจรจาในเรื่องนี้ต้องหยุดชะงักลงอีกด้วย

ฮาสกินส์แนะนำว่า รีพับลิกันควรจะฉวยโอกาสปิดดีลนี้เพื่อเห็นแก่สถานะทางเศรษฐกิจของสหรัฐ มิฉะนั้นแล้ว รีพับลิกันเองที่จะต้องร่วมชะตากรรมกับโอบามาในการถูกตำหนิว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับความเสียหาย

บทวิเคราะห์โดย เจียง ซูเฟิง, หลิว หลี่นา จากสำนักข่าวซินหัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ