กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 1.3% ต่อปีในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2554 ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ประมาณ 1.8% เนื่องจากการบริโภคส่วนบุคคลชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกลงอย่างมากเหลือเพียง 0.4% จาก 1.9% ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลงเมื่อสองปีก่อน โดยเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวไม่ถึง 2% เป็นเวลาสองไตรมาสติดต่อกัน นับเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน
การบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐเนื่องจากมีสัดส่วนถึงสองในสามของเศรษฐกิจ ปรับตัวขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งลดลงอย่างมากจากที่เพิ่มขึ้น 2.1% ในไตรมาสแรก การใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าคงทน อาทิ ยานยนต์ และ เครื่องมือเครื่องใช้ ลดลง 4.4% สวนทางกับที่เพิ่มขึ้นถึง 11.7% ในไตรมาสก่อนหน้า
ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างประหยัดเนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงมาอย่างยาวนาน และราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น
การลงทุนภาคเอกชนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย อาทิ โรงงาน อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้น 6.3% ในไตรมาสสองของปี 2554 เทียบกับที่ขยายตัว 2.1% ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม
การนำเข้าขยายตัว 1.3% ในไตรมาสสอง จากที่เพิ่มขึ้น 8.3% ในไตรมาสแรก เนื่องจากการนำเข้าจากญี่ปุ่นที่ร่วงลงอย่างมากได้หักลบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
การส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 6.0% เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 7.9%
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2554 ครั้งนี้นับเป็นตัวเลขประมาณการครั้งแรก โดยจะมีการทบทวนอีกสองครั้งในช่วงสองเดือนข้างหน้า