สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดขึ้นปิดเหนือระดับ 1,630 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ประกอบกับภาวะชะงักงันในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ แม้กำหนดเส้นตายที่รัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้กำลังงวดเข้ามา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 15 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,631.2 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดระดับใหม่ในระหว่างวันที่ 1,637.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 31.2 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 40.106 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,785.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.อ่อนตัวลง 40 เซนต์ ปิดที่ 827.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ทองคำได้รับแรงหนุนจากความต้องการแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังไม่คืบหน้า
สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐกำลังเสนอแผนการเพื่อช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ในขณะที่กำหนดเส้นตายสำหรับสหรัฐที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้จาก 14.3 ล้านล้านในปัจจุบัน กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 1.3% ต่อปีในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2554 ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ประมาณ 1.8% เนื่องจากการบริโภคส่วนบุคคลชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกลงอย่างมากเหลือเพียง 0.4% จาก 1.9% ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลงเมื่อสองปีก่อน โดยเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวไม่ถึง 2% เป็นเวลาสองไตรมาสติดต่อกัน นับเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน
การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเกินคาดยังได้ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง โดยดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.38% สู่ระดับ 73.844 ในวันศุกร์ ซึ่งดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยเพิ่มความดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำ เพราะทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น