สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านแผนการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ที่เสนอโดยนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ในการลงมติเมื่อคืนวันศุกร์ (ตรงกับเช้าวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตผิดนัดชำระหนี้ที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ หลังจากที่สภาผู้แทนฯได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติมาตรการดังกล่าวไปเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ด้วยจำนวน 240 ที่นั่ง แต่เมื่อวันพฤหัสบดี ทางพรรคไม่สามารถรวบรวมเสียงได้มากถึง 217 คะแนนซึ่งจำเป็นสำหรับการผ่านร่างกฎหมาย ส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนการลงมติออกไป
จนกระทั่งคืนวันศุกร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันจึงมีมติ 218 เสียง ผ่านมาตรการซึ่งเสนอโดยนายโบห์เนอร์ เพื่อส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อไป แม้ว่าจะมีคำเตือนจากทำเนียบขาวว่าจะวีโต้ และการคัดค้านจากวุฒิสภาซึ่งขู่ว่ามาตรการดังกล่าวจะถูกคว่ำในทันทีที่ถูกยื่นต่อวุฒิสภาซึ่งครองเสียงข้างมากโดยพรรคเดโมแครต
และล่าสุดก็เป็นไปตามคาด เมื่อวุฒิสภามีมติไม่เห็นชอบแผนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยคะแนน 59-41 คะแนน ไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากที่สภาผู้แทนฯผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยวุฒิสมาชิกส่วนใหญ่เชื่อว่า มาตรการสองขั้นตอนของสภาผู้แทนฯจะเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวกำหนดให้ต้องมีการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า
ภายใต้มาตรการสองขั้นตอนที่แก้ไขใหม่และผลักดันโดยนายโบห์เนอร์นั้น รัฐสภาสหรัฐจะต้องขยายวงเงินกู้ของรัฐบาลกลางอีก 9 แสนล้านดอลลาร์ในทันทีและขยายไปจนถึงต้นปีหน้า รวมถึงจะต้องปรับลดรายจ่ายลงอีก 9.17 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลาสิบปี
ทั้งนี้ คาดว่านายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต จะผลักดันแนวทางอื่นที่ต่างออกไป ด้วยเป้าหมายที่จะให้ได้คะแนนสนับสนุนที่เพียงพอจากทั้งสองพรรคเพื่อผ่านรัฐสภาให้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 2 สิงหาคม โดยแผนการของพรรคเดโมแครตจะกำหนดให้มีการขยายวงเงินกู้ของรัฐบาลสหรัฐไปจนถึงปลายปี 2555 เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสิ้นสุดลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน