สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 269 ต่อ 161 ผ่านร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการปูทางในอีกขั้นตอนหนึ่งที่จะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า เพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐจะได้รับการปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ และรัฐบาลจะต้องลดการใช้จ่ายลง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี โดยในเบื้องต้นนั้น รัฐบาลจะต้องลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านกลาโหมและการรักษาความมั่นคงด้านอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ครองส่วนแบ่งสูงกว่าครึ่งหนึ่งของงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การผ่านร่างกฎหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากประธานาธิบดีโอบามาประกาศว่ารัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้และการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ร่วมกับผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต โดยข้อตกลงดังกล่าวกำหนดว่า รัฐบาลจะต้องปรับลดการใช้จ่ายมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี และจะปรับเพิ่มเพดานหนี้ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงปี 2555
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา โดยนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่า วุฒิสภาจะลงมติร่างกฎหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเวลา 23.00 น.ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้ ซึ่งร่างกฏหมายจะต้องได้รับคะแนนเสียง 60 เสียง จึงจะถือว่าผ่านมติของวุฒิสภา เพื่อให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ขานรับความคืบหน้าดังกล่าว โดยกล่าวว่า "หากร่างกฎหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้ผ่านมติเห็นชอบจากวุฒิสภา ประธานาธิบดีโอบามาก็จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายทันที"
สหรัฐมียอดเงินกู้ชนเพดานหนี้ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ตามพันธกรณีทางกฎหมายได้หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 2 ส.ค.นี้