กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลขยับขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และเป็นหลักฐานครั้งใหม่ที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า อัตราการออมในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าอัตราการออมโดยเฉลี่ยตลอดปี 2550 ที่ระดับ 2.1% เนื่องจากผู้บริโภคของสหรัฐมีความระมัดระวังการใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
การหดตัวลงของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ และยังตอกย้ำถึงความอ่อนแอของข้อมูลที่มีการเปิดเผยในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐที่ขยายตัวเพียง 1.3% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 1.8% เนื่องจากการบริโภคส่วนบุคคลชะลอตัวลง