ซีเอ็นเอ็นจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันล่าสุดพบว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการลงนามผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และผู้นำสภาคองเกรส
ผู้ตอบแบบสำรวจ 52% ไม่เห็นด้วยกับการรับรองร่างกฎหมายประนอมหนี้ดังกล่าว ซึ่งจะทำให้มีการหั่นงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็จะมีการเพิ่มวงเงินกู้ยืมของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่มีผู้เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว 44%
ประชาชนส่วนมากยังไม่ชอบใจกระบวนการเจรจาเพดานหนี้ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งของโอบามา หรือผู้นำสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครตก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว โอบามายังคงได้รับคะแนนนิยมเหนือกว่า
ผู้ตอบแบบสำรวจ 53% ระบุว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับกระบวนการเจรจาของประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขของผู้ที่ไม่เห็นชอบการเจรจาหนี้ของผู้นำพรรครีพับลิกันที่มีถึง 68% และ 63% สำหรับผู้นำจากพรรคเดโมแครต
ผู้ตอบแบบสำรวจ 70% ยังมองว่า ผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาและทำหน้าที่เจรจาเพดานหนี้สินครั้งนี้มีพฤติกรรมเหมือนเด็กเอาแต่ใจ โดยมีเพียง 17% เท่านั้นที่เชื่อว่า นักการเมืองเหล่านี้ปฏิบัติตนเยี่ยงผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ
สำหรับร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ได้รับการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยจะทำให้เพดานหนี้ขยับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ และจะมีการหั่นค่าใช้จ่ายราว 2.4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นระยะเวลา 10 ปี
ผลการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สงครามหนี้ที่ดำเนินมาอย่างดุเดือดครั้งนี้ไม่มีผู้ใดชนะขาด นอกจากนี้สาธารณชนยังเริ่มเอือมระอากับการเมืองในสภาแล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน