Analysis: นักวิเคราะห์เตือนเงินเยนแข็งค่าฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นทรุดหนัก

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 3, 2011 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์มองว่า สกุลเงินเยนที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น จะยิ่งสั่นคลอนเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากเหตุแผ่นดินไหว โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในขณะนี้เป็นไปอย่างล่าช้า ท่ามกลางภาวะขาดแคลนพลังงานที่เป็นผลมาจากวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ที่ยืดเยื้อ

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 76.29 เยนในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ซึ่งใกล้กับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 76.25 เยน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากญี่ปุ่นเผชิญกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่ม G7 ตัดสินใจแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราร่วมกัน ซึ่งก็สามารถพยุงสกุลเงินดอลลาร์ดีดขึ้นมายืนเหนือระดับ 80 เยนได้

อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงตลาดการเงินในระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่สามารถสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน ส่งผลให้เงินเยนทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สในปี 2551 โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงของเงินเยนพุ่งขึ้นไปแล้ว 34.6% นับตั้งแต่ปี 2551

เงินเยนที่พุ่งขึ้นระลอกใหม่นั้น เป็นผลมาจากการไหลเข้าของเงินทุนที่ต้องการถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย เพราะต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ในสหภาพยุโรปและสหรัฐ โดยนักลงทุนมองว่าญี่ปุ่นซึ่งแม้จะมีสัดส่วนหนี้มูลค่ามหาศาลนั้น เป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัย เนื่องจากมีอัตราการออมในภาคธนาคารที่สูงมาก อีกทั้งยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่แข็งแกร่ง และธนาคารกลางญี่ปุ่นมีนโยบายการเงินที่รอบคอบ

ตรงข้ามกับสหรัฐ ที่แม้ว่าวุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายการปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปแล้ว แต่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่าสหรัฐอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐยังพยายามไม่มากพอในการปรับลดการขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอมาก

เทอิโคคุ ดาต้าแบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยรายใหญ่ของญี่ปุ่นระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 มีบริษัทญี่ปุ่นล้มละลายไปแล้ว 24 แห่งเนื่องจากผลกระทบของเงินเยนแข็งค่า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 20% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะที่ผลสำรวจของโตเกียว โชโก รีเสิร์ช ระบุว่า การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท 121 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียวนั้น อิงตามอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์-เยนโดยเฉลี่ยที่ 1 ดอลลาร์ ต่อ 81.69 เยน พร้อมระบุว่า เมื่อเงินเยนแข็งค่าขึ้น 1 เยนต่อดอลลาร์ จะทำให้กำไรต่อปีของ 3 บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งได้แก่ โตโยต้า นิสสัน และฮอนด้า จะร่วงลงทันที 3 หมื่นล้านเยน, 2 หมื่นล้านเยน และ 1.5 หมื่นล้านเยน ตามลำดับ

นายโจอิ ทากาว่า รองประธานนิสสัน กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินเยนได้ฉุดผลกำไรของนิสสันร่วงลง 5.5 หมื่นล้านเยนในไตรมาส 2 โดยนายทากาว่าเตือนว่า หากผลกระทบของเงินเยนมีความรุนแรงจนเหนือการควบคุม นิสสันก็อาจจะต้องย้ายฐานการผลิตออกจากญี่ปุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการจ้างงานของญี่ปุ่นย่ำแย่ลงไปอีก

รายงานวิจัยของนายทาคาฮิเดะ คิอุชิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระ ซิเคียวริตีส์ ระบุว่า หากเงินเยนแข็งค่าขึ้นจากระดับ 80 เยนต่อดอลลาร์ เป็น 75 เยนต่อดอลลาร์ จีดีพีที่แท้จริงของญี่ปุ่นจะหดตัวลงทันที 0.24%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 4-5 ส.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า บีโอเจอาจจะตัดสินใจขยายโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 40 ล้านล้านเยน เพื่อผ่อนคลายภาวะตึงเครียดด้านสินเชื่อ ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่นพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชน และกองทุนเพื่อการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนไม่มั่นใจว่า ญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเพียงลำพังหรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า สหภาพยุโรปและสหรัฐ จะร่วมมือกับญี่ปุ่นในการแทรกแซงตลาดเหมือนกับที่เคยร่วมมือกันเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ