นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวในการประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง "ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทางออกที่ท้าทายของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน" ว่า กรมฯ มีความจำเป็นต้องก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) เนื่องจากปัจจุบันปริมาณการจราจรในรัศมี 100 กม.รอบกรุงเทพฯ อิ่มตัวแล้ว
"แค่คิดว่ามอเตอร์เวย์มีความปลอดภัยและสามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ 30% จากความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่ปีละ 2 แสนล้านบาท ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว" นายวีระ กล่าว
โดยเบื้องต้นมีแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ระยะเร่งด่วนระหว่างปี 2550-2560 มี 5 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวมประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ได้แก่ 1.เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 199 กม. วงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยเส้นทางนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ก่อน ปัจจุบันกรมทางหลวงได้ส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนแบบรัฐร่วมเอกชน หรือ PPPs เบื้องต้นคาดว่ารัฐจะลงทุนในสัดส่วน 20% ขณะที่เอกชนลงทุน 80%
2.เส้นทางชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 89 กม. 3.เส้นทางบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 98 กม. 4.เส้นทางบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทาง 180 กม. และ 5.เส้นทางนครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ ระยะทาง 134 กม. ส่วนโครงสร้างมอเตอร์เวย์นั้นจะมีทั้งระดับดิน และยกระดับ โดยค่าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ระดับดินอยู่ที่ กม.ละประมาณ 300-500 ล้านบาท ส่วนโครงสร้างยกระดับอยู่ที่ กม.ละ 800-1,000 ล้านบาท
อธิบดี ทล.กล่าวว่า โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ยังมีปัญหาถูกประชาชนคัดค้าน ซึ่งต้องร้องขอให้นักการเมืองในพื้นที่ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าโครงการมอเตอร์เวย์จะสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ขณะเดียวกันกรมฯ พร้อมเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าลงทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ด้วย