รายงานจาก PwC New Zealand ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในนิวซีแลนด์มีรายได้หลักเพิ่มขึ้นแตะ 2.3 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (1.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 2.2 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา แต่นิวซีแลนด์ก็ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความเสี่ยงของการปรับลดอันดับเครดิต
บทวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการทางการเงินของภาคธุรกิจธนาคารของนิวซีแลนด์ระบุว่า รายได้ของธนาคารยักษ์ใหญ่ 5 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธนาคาร ANZ National, ASB, Bank of New Zealand, Kiwibank และ Westpac ได้รับปัจจัยหนุนมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและการขยายตัวของรายได้จากการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในไครส์ตเชิร์ชได้สกัดช่วงการปรับตัวลดลงของค่าใช้จ่ายหนี้เสียที่เริ่มมีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ซึ่งทำให้ภาคธนาคารมีผลกำไรก่อนหักภาษีไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 1.9 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์จากช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้วมาจนถึงครึ่งแรกของปีนี้
ตัวเลขผลประกอบการในภาคธุรกิจธนาคารนิวซีแลนด์ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเนื่องจากหลายฝ่ายยอมรับว่า เศรษฐกิจเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ภาคธุรกิจธนาคารเท่านั้น แต่ยังหมายถึงธุรกิจทั้งหมดของนิวซีแลนด์
ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ไครสต์เชิร์ชเมื่อเดือนก.พ.และผลพวงจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภาคธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้เสียอยู่ที่ 355 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับ 364 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในช่วงครึ่งปีแรกปีที่แล้ว
"ค่าใช้จ่ายหนี้เสียที่พุ่งสูงเกินคาดจากผลของแผ่นดินไหว ทำให้ธนาคารหลายแห่งเสนอบริการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนในไครสต์เชิร์ชด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง หรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินที่ล้วนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการทำกำไร " สำนักข่าวซินหัวรายงาน