เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 7 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ค.54) มีมูลค่าเฉียด 3 แสนล้านบาท เฉพาะ ก.ค.เดือนเดียวสูงกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้มั่นใจทิศทางลงทุนโตต่อเนื่องสูงเกินเป้าหมาย 4 แสนล้านบาท
"ช่วง 7 เดือนมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 1,030 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 299,500 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 747 โครงการ หรือเพิ่มขึ้น 37.9% ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 45.5%" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการ BOI กล่าว
ทั้งนี้แนวโน้มการขอรับการส่งเสริมการลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะการลงทุนในเดือน ก.ค.54 เดือนเดียวมียื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวนถึง 161 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 53,600 ล้านบาท สูงที่สุดในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยมีขนาดการลงทุนกระจายทั้งในส่วนของโครงการขนาดกลางและเล็ก จนถึงโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเงินลงทุนตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามามาก อาทิ โครงการผลิตเครื่องปรับอากาศ โครงการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงกิจการขนส่งทางอากาศ กิจการนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
"เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการลงทุนล่าสุดซึ่งอยู่ที่เกือบ 300,000 ล้านบาท จึงทำให้บีโอไอมั่นใจได้ว่าการลงทุนของไทยปีนี้จะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 400,000 ล้านบาทได้ เนื่องจากแนวโน้มความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยยังมีการเติบโตไปจนถึงสิ้นปี 2554 โดยเฉพาะในช่วงปลายปีซึ่งบีโอไอจะมีการจัดงานนิทรรศการใหญ่ BOI Fair 2011 ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นฐานการลงทุนของไทยในระดับภูมิภาคได้ยิ่งขึ้น" นางอรรชกา กล่าว
เลขาธิการ BOI กล่าวว่า สำหรับกิจการที่มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนกระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้กิจการที่นักลงทุนให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 265 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 83,100 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 140 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 26,600 ล้านบาท
รองมาเป็น กิจการบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 222 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 61,500 ล้านบาท โครงการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 214 โครงการ ในขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน
กิจการ เคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 141 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 49,900 ล้านบาท จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 93 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 16,200 ล้านบาท และ กิจการ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีจำนวน 146 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 46,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 111 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 13,600 ล้านบาท