นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อแก้ไขปัญหาเนื้อหมูมีราคาแพงว่า ที่ประชุมได้กำหนดราคาขั้นสูงเป็นครั้งแรก เพื่อควบคุมราคาหมูตลอดสายการตลาดตั้งแต่หมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม หมูชำแหละ จนถึงหมูหน้าเขียงซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นรุนแรง
โดยที่ผ่านมาไม่เคยใช้มาตรการนี้กับสินค้ารายการอื่น และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.เป็นต้นไป และจะใช้มาตรการนี้ไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือมีหมูเข้าสู่ระบบมากขึ้น สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน เช่น การขายเกินราคาที่กำหนดไว้จะถูกจับกุมและดำเนินคดี โดยมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 500,000 บาท จำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการไม่ปิดป้ายแสดงราคาปรับ 10,000 บาท
ทั้งนี้ ได้กำหนดราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มสำหรับพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ไม่เกินกิโลกรัมละ 81 บาท ราคาขายส่งหมูชำแหละ (หมูซีก) ไม่เกินกก.ละ 93 บาท ราคาขายส่งชิ้นส่วนหมูเนื้อแดง(ไหล่ สะโพก) ไม่เกินกก.ละ 137 บาท และราคาขายปลีกหมูเนื้อแดง(ไหล่ สะโพก) ไม่เกินกก.ละ 152 บาท
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม กก.ละ 85 บาท ราคาขายส่งหมูชำแหละ กก.ละ 97 บาท ขายส่งชิ้นส่วนหมูเนื้อแดง กก.ละ 142 บาท และขายปลีกหมูเนื้อแดง กก.ละ 157 บาท ส่วนภาคใต้ หมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม กก.ละ 87 บาท ขายส่งหมูชำแหละ กก.ละ 99 บาท ขายส่งชิ้นส่วนหมูเนื้อแดง กก.ละ 147 บาท และขายปลีกหมูเนื้อแดง กก.ละ 162 บาท
นอกจากนี้ กกร.ยังได้กำหนดมาตรการดูแลปริมาณหมูเพื่อไม่ให้มีปัญหาขาดแคลน โดยได้กำหนดมาตรการให้ผู้ที่จะส่งออกหมู ต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน ส่วนต่างจังหวัดให้ขออนุญาตที่ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในระดับจังหวัด ซึ่งคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด และต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะส่งออกได้
ขณะเดียวกัน ยังกำหนดให้ผู้ครอบครองสุกรมีชีวิตทุกประเภทตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และเนื้อซากหมูเกิน 5 ตัน จะต้องแจ้งปริมาณ และสถานที่เก็บเป็นประจำทุก 15 วัน โดยให้แจ้งภายใน 7 วันถัดไป
ส่วนมาตรการดูแลการขนย้ายนั้นได้ปรับปรุงให้เข้มงวดมากขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้การขนย้ายหมูน้ำหนัก 80 กก./ตัว ครั้งละ 10 ตัวขึ้นไปจะต้องขออนุญาต มาเป็นการขนย้ายหมูตั้งแต่ 10 ตัวขึ้นไปโดยไม่กำหนดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นหมูเล็กหมูใหญ่จะต้องขออนุญาตทั้งหมด เพื่อที่จะดูแลปริมาณหมูทั้งระบบ