นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ประชาชนกังขานโยบายค่าแรง 300 ทำได้จริงหรือ ? หวั่นราคาสินค้าขึ้นตาม" พบว่า 4 ข้อสำคัญที่ประชาชนกังวลต่อนโยบายดังกล่าว คือ 1.จะทำได้จริงหรือ 2.ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะขึ้นตามหรือไม่ 3.ผู้ประกอบการ/นายจ้างจะยอมหรือไม่ และ 4.นโยบายจะครอบคลุมทั่วประเทศหรือเฉพาะบางจังหวัด
สำหรับผลกระทบที่ประชาชนมองว่าจะมีต่อนโยบายปรับขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท/วัน 3 อันดับแรก คือ 1.ราคาสินค้าจะปรับสูงขึ้น 2.คุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานจะดีขึ้น และ 3.คุณภาพ/ประสิทธิภาพแรงงานจะดีขึ้น
ทั้งนี้หากแยกเป็นผลดีของนโยบายดังกล่าว 3 อันดับแรก พบว่า อันดับแรกประชาชน 53.91% ตอบว่าแรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น อันดับ 2 ประชาชน 24.26% ตอบว่าแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น และอันดับ 3 มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เงินตราหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
ส่วนผลเสียของนโยบายนี้ใน 3 อันดับแรก พบว่า อันดับแรกประชาชน 50.78% ตอบว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้นตาม อันดับ 2 ประชาชน 15.81% ผู้ประกอบการอาจขาดทุนหรือยกเลิกกิจการ และอันดับ 3 ประชาชน 9.47% ตอบว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น นายจ้างลดพนักงานลง
ทั้งนี้ จากการสำรวจดังกล่าว ประชาชนยังฝากข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาลต่อการดำเนินนโยบายค่าแรง 300 บาทว่า 1.ควรศึกษาข้อดีข้อเสีย หรือผลกระทบให้ดีก่อนประกาศใช้ 2.ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือเพิ่มค่าแรงแบบขั้นบันได และ 3.ควรทำให้ได้เหมือนกับที่หาเสียงไว้
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 1,278 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค.54