นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ibank) กล่าวยืนยันว่า ระดับหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.79% หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด 102,395 ล้านบาท โดยเป็น NPL จากสินเชื่อที่สนับสนุนโครงการภาครัฐ เช่น โครงการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชนมีหนี้ด้อยคุณภาพเพียง 14.50 ล้านบาทเท่านั้น โครงการรถสาธารณะ ซึ่งเป็นโครงการ PSA ที่รัฐบาลรับผิดชอบความเสียหายของ NPL มีหนี้ด้อยคุณภาพไม่ถึง 1.5% โครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มีหนี้ด้อยคุณภาพต่ำกว่า 1% และคาดว่า NPL ในสิ้นปี 54 จะลดเหลือ 4.47% จึงเห็นว่าสถานะ NPL ของธนาคารไม่น่ากังวล
นอกจากนี้ BIS Ratio ของธนาคารอยู่ที่ 11.81% ซึ่งสูงกว่าอัตราที่ทางการกำหนดที่ 8.5% ขนาดสินทรัพย์อยู่ที่ 118,584 ล้านบาท และคาดว่าในไตรมาส 3/54 ธนาคารจะมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท และในสิ้นปี 54 มีกำไรสุทธิกว่า 900 ล้านบาท
"ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลแบงค์รัฐทั้งหมดได้แสดงความกังวลต่อการดำเนินงานของธนาคารนั้นอาจมีความคลาดเคลื่อนในข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้นำส่งแผนยุทธศาสตร์ให้สคร.เห็นชอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยไม่ได้รับแจ้งให้ดำเนินการจัดทำแผนอื่นๆ เพิ่มเติม และยังเห็นว่า การแสดงความกังวัลของ สคร. ผ่านสื่อนั้นเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐควรมีความระมัดระวังในการให้ข่าว เพราะจะทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้"นายธีรศักดิ์ กล่าว
นายธีรศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารประสบปัญหาหลายด้านทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธนาคารโดยตรงทั้งด้านระบบงาน ด้านสาขา ช่องทางการให้บริการ การขาดความเข้าใจด้าน Islamic Banking & Finance รวมทั้งยังมีปัญหาที่เกี่ยวกับกฏหมายและภาษีอากร ที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจตามหลักอิสลามของธนาคาร ทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนสะสมจำนวนมากกว่า 800 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้กำหนดแผนการฟื้นฟูธนาคารเป็น 3 ระยะ คือระยะที่ 1 การฟื้นฟูกิจการ ระยะที่ 2 เป็นการจัดวางระบบงานและวางโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ โดยในปีที่ผ่านมาธนาคารสามารถล้างขาดทุนสะสมและจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นปีแรก
ทั้งนี้ ธนาคารเริ่มมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การพัฒนาในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการกำหนด Port สินเชื่อหลักของธนาคารให้เติบโตทางด้าน MSMEs และ Consumer Finance หลังจากที่ธนาคารได้ขึ้นระบบ Core Banking System หรือ CBS รวมทั้ง ERP และ CAP เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารมีความพร้อมในการให้บริการทั้ง Mobile Banking, Internet Banking และ Credit Card ได้ภายในเดือน ก.ย. 54 และมีความพร้อมด้านสาขาที่ให้บริการได้มากขึ้นกว่า 70 สาขาทั่วประเทศ