รัฐบาลจีนจะไม่ปรับลดราคาน้ำมันลงในช่วงนี้ เนื่องจากเงื่อนไขการลดราคายังไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ แม้ประชาชนจะมองว่าราคาน้ำมันภายในประเทศไม่ได้สะท้อนราคาน้ำมันดิบในต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันทั่วโลกดิ่งลงในระยะนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าผลกระทบของวิกฤตหนี้สหรัฐที่ยืดเยื้อ และความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกถดถอยรอบสอง อาจจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงมาอยู่ที่ 86.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับประมาณ 120 ดอลลาร์เมื่อเดือนเม.ย. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงมาอยู่ที่ 107.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนได้นำระบบการกำหนดราคาน้ำมันแบบปัจจุบันมาใช้เมื่อเดือนพ.ค. 2552 ซึ่งช่วยให้คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) มีสิทธิในการปรับราคาเชื้อเพลิง น้ำมันดีเซล และราคาแก๊สในประเทศ เมื่อราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในตลาดเบรนท์ ซินตา และดูไบ เคลื่อนไหวถึง 4% ภายในระยะเวลา 22 วันทำการติดต่อกัน
เจ้าหน้าที่ของ NDRC กล่าวว่า ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในสามตลาดดังกล่าวยังอยู่เหนือระดับของวันที่ 7 เม.ย. ซึ่ง NDRC ได้ขึ้นราคาน้ำมันไปก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นทางหน่วยงานจึงยังไม่พร้อมที่จะลดราคามากไปกว่านี้
เขากล่าวด้วยว่า แม้ราคาน้ำมันทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนพ.ค. แต่ NDRC ก็ไม่ได้ขึ้นราคาน้ำมันภายในประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นของกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ
ที่ผ่านมา โรงกลั่นของจีนได้ร้องเรียนเกี่ยวกับราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ตายตัวและราคาน้ำมันดิบที่ผันผวน ซึ่งทำให้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการทำธุรกิจ ขณะที่รัฐบาลได้ให้เงินอุดหนุนแก่โรงกลั่นรายใหญ่ๆ เช่น ซิโนเปค และปิโตรไชน่า เพื่อชดเชยกับยอดขาดทุนในแต่ละปี เนื่องจากราคาน้ำมันถือเป็นภาระหนักต่อการสร้างสถียรภาพทางสังคมในจีน