จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1,081 แห่งในเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายบริษัทที่กำลังถูกกดดันให้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย อันเป็นผลมาจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
บริษัทวิจัย โตเกียว โชโก รีเสิร์ช รายงานว่า ในเดือนกรกฏาคม มีบริษัท 68 แห่งที่ล้มละลายเพราะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ส่งผลให้จำนวนบริษัทที่ล้มละลายเพราะแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นแตะ 243 แห่งในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม หรือมากกว่า 3 เท่าของจำนวนบริษัทที่ล้มละลายในช่วงเวลา 5 เดือนหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ฮันชินเมื่อปี 2538
สำหรับจำนวนหนี้สินของบริษัทที่ล้มละลายลดลง 19.7% แตะที่ 2.2091 แสนล้านเยนในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากบริษัทใหญ่ที่มีหนี้มูลค่า 1 พันล้านเยนขึ้นไปมีจำนวนลดลงอย่างมาก ขณะที่บริษัทที่มีหนี้น้อยกว่า 100 ล้านเยนมีสัดส่วนประมาณ 70% ของบริษัทที่ล้มละลายทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าบริษัทขนาดเล็กยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
ในการสำรวจภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด 10 อุตสาหกรรมนั้น มีอุตสาหกรรม 4 ภาคส่วนที่มีบริษัทล้มละลายเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาคการเกษตร ป่าไม้ ประมง และเหมืองแร่, การบริการ, การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์
โตเกียว โชโก รีเสิร์ช ระบุว่า จำนวนบริษัทที่ล้มละลายอาจขยายตัวเร็วขึ้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอันเป็นผลมาจากปัญหาหนี้ในสหรัฐและยุโรป รวมถึงความไม่แน่นอนของอุปทานไฟฟ้าในญี่ปุ่นหลังเกิดวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ
ขณะเดียวกัน เทย์โกกุ ดาต้าแบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอีกแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่ามีบริษัท 965 แห่งล้มละลายในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 5.1% จากปีที่แล้ว ด้วยจำนวนหนี้สินรวม 2.0289 แสนล้านเยน หรือลดลง 18.6%
ทั้งนี้ ผลสำรวจของทั้งสองบริษัทครอบคลุมบริษัทล้มละลายที่มีหนี้สิน 10 ล้านเยนขึ้นไป และผลสำรวจของเทย์โกกุ ดาต้าแบงก์ ครอบคลุมบริษัทล้มละลายที่มีการฟ้องร้องในศาล สำนักข่าวเกียวโดรายงาน