สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นกว่า 60 ดอลลาร์เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสอง หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 61.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,713.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.169 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 39.38 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 15.55 เซนต์ ปิดที่ 3.9615 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 13.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 728.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,723.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGBest Group กล่าวว่า "อีกครั้งหนึ่งที่ตลาดทองคำเคลื่อนไหวอย่างเหลือเชื่อ การที่เอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้สัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา เอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA พร้อมกับให้แนวโน้มเป็น "เชิงลบ" โดยระบุว่าความอ่อนแอของระบบการเมืองทำให้สหรัฐไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้อย่างเหมาะสม
"การลดอันดับเครดิตถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังนักลงทุนทั่วโลกว่าสหรัฐกำลังตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ และเป็นการเตือนว่าแม้แต่ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับวิกฤตหนี้สินได้" ดาลีกล่าว
นอกจากนี้ ดาลีกล่าวว่า "ความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐทำให้มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในตลาดทองคำ และตราบใดที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงไม่แน่นอน นักลงทุนก็จะแห่กันเข้ามาในตลาดทองคำซึ่งเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัย"
โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในรายงานครั้งล่าสุด โดยคาดว่าสัญญาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์ในระยะเวลา 6 เดือนนี้ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,635 ดอลลาร์/ออนซ์ และคาดว่าสัญญาทองคำจะพุ่งขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,860 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในระยะเวลา 1 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1,730 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า สัญญาทองคำมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้