นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติให้ปรับเพิ่มการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันดีเซลอีก 90 สตางค์/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้(10 ส.ค.) หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้ล่าสุดมีการเก็บเงินเข้ากองทุนฯจากน้ำมันดีเซลเป็น 2.80 บาท/ลิตร จากเดิมจัดเก็บอยู่ที่ 1.90 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ จะทำให้ค่าการตลาดลดลงมาเหลือ 1.44 บาท/ลิตร จากเดิม 2.34 บาท/ลิตร ขณะที่ค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันอยู่ที่ 1.58 บาท/ลิตร จาก 1.76 บาท/ลิตร
นอกจากนั้น จะทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มจากวันละ 55 ล้านบาท เป็น 104 ล้านบาท หรือ 3,200 ล้านบาท/เดือน ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้นเป็นบวกได้ จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ 55 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสดในมือราว 1.4 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.53 จนถึง 6 พ.ค.54 กองทุนน้ำมันฯ ได้ชดเชยราคาไปแล้วรวม 24,000 ล้านบาท
นายณอคุณ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงผันผวน โดยราคาที่ปรับลดลงเป็นผลกระทบจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี)ได้ปรับลดเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวของสหรัฐฯ จาก AAA เหลือ AA+ แต่เชื่อว่าจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นและราคาน้ำมันจะกลับมาเพิ่มขึ้น เพราะยังคงมีการเก็งกำไรในตลาด
ส่วนนโยบายรัฐบาลใหม่ที่อาจจะให้ยกเลิกเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันฯ นั้น ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ เพราะปัจจุบันมีการนำเงินไปชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)เป็นหลัก และชดเชยก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เตรียมจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลต่อกองทุนน้ำมันฯ เพื่อเสนอต่อ รมว.พลังงานคนใหม่
ด้านนายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระการชดเชยราคา LPG 107.65 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท/เดือน ชดเชย NGV 12.65 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 380 ล้านบาท/เดือน โดยตั้งแต่ปี 51 กองทุนน้ำมันฯ มีการชดเชยราคาจากการตรึงราคาและการนำเข้า LPG รวม 54,000 ล้านบาท
นายชวลิต กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องกำหนดโครงสร้างพลังงานใหม่ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็น NGV, LPG น้ำมันเบนซิน และดีเซล โดยเฉพาะ NGV ที่มีราคาต่ำกว่าต้นทุน แม้ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ จะชดเชยให้ 2 บาท/กิโลกรัม แต่หากจะมีการปรับขึ้นราคา NGV จริง ก็จะต้องปรับเพิ่มอีก 6 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจะต้องเป็นการทยอยปรับขึ้นราคา
ในขณะเดียวกันก็จะต้องปรับขึ้นราคา LPG ในภาคขนส่งก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนหันไปใช้ LPG มากจนเกินไป เพราะถ้าไม่ปรับขึ้นราคา LPG ก็จะทำให้ราคาถูกกว่า NGV ซึ่งตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ให้ปรับขึ้นราคา LPG ในภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนภาคขนส่งและครัวเรือนยังคงให้ตรึงราคาไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.นี้ แต่หลังจากนั้นจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กพช.ภายใต้รัฐบาลใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ
สำหรับแนวคิดที่รัฐบาลใหม่จะยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น นายชวลิต กล่าวว่า คงไม่สามารถยกเลิกได้ในทันที เพราะหากจะยกเลิกจริงจะต้องมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกประเภทที่ตรึงอยู่ในขณะนี้ให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะกองทุนน้ำมันฯ มีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาพลังงาน ดังนั้นหากจะมีการตรึงจริงก็ควรเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น