นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย Gold Futures ตั้งเช้าวันนี้คึกคักมาเป็นพิเศษ โดยมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างมากถือว่าทำสถิติการซื้อขายสูงสุด จากก่อนหน้านี้ที่เคยทำสถิติไว้เมื่อ 3 ส.ค.54 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องจนทะลุบาทละ 25,000 บาท ตามทิศทางเดียวกับต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.07 น.ตลาดอนุพันธ์(TFEX)รายงานสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าขนาด 50 บาทต่อสัญญา มีจำนวน 28,442 สัญญา และ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าขนาด 10 บาทต่อสัญญา มีจำนวน 23,294 สัญญา
นายพงศภัทร กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศวันนี้มีความผันผวนปรับตัวต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับ ค่าเงินบาทวันนี้ค่อนข้างผันผวน ซึ่งส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศด้วย
มองว่าราคาทองคำในตลาดโลก มีแนวต้านถัดไปที่ 1,775 /1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วน Gold Futures มีแนวต้านที่ 26,000-26,500 บาท แนะการลงทุนให้ trading เนื่องจากราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นมามาแล้ว
ด้าน บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ว่า ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังถูกแรงเทขายหนัก โดยเฉพาะดัชนีดาวน์โจนส์ สหรัฐร่วงหนัก -5.55% ในคืนเดียว บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ตกต่ำและมีมุมมองเป็นลบอย่างมากต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกหลังจากนี้ ทองคำจึงยังเป็นแหล่งที่พักเงินจากความวิตกกังวลในตลาดเสี่ยงสูงและวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอีกระลอก
การเก็งกำไรระยะสั้น ต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่คาดว่าอาจจะออกมาดี แต่จะเป็นการลงในระยะสั้นเท่านั้น สำหรับระยะกลางและระยะยาวจะยังเป็นขาขึ้นใหญ่อยู่เนื่องจากยังมี ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มถูกลดอันดับตามสหรัฐอีก ขณะที่กองทุน SPDR มีการเข้าซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมอีก 23.62 ตัน
กลยุทธ์การลงทุน รอขายทำกำไรหลังซื้อกลับมาเมื่อคืนนี้ ขยับจุดขายขึ้นตามกรอบ Uptrend line วันนี้หากหลุด 1,714 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้ขายทันที นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ให้ขายทำกำไรเพื่อรอซื้อกลับตามกรอบ 1,712-1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 24,350-24,950 บาท/บาททอง หากต่ำกว่า 1,712 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้ขายทันที
นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ให้รอทยอยสะสมซื้อบริเวณแนวรับ $1,685 และ 1,655 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,000- 23,350 บาท/ทรอยออนซ์ เป้าหมายปลายปียังอยู่บริเวณ 1,780-1,800 ดอลลาร์/ออนซ์