ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศเข้าซื้อพันธบัตรสเปนและอิตาลี โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นวิกฤติหนี้ไม่ให้ลุกลามในยูโรโซน และเพื่อช่วยให้สเปนและอิตาลีสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (แฟนนี เม) และบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลางสหรัฐ (เฟรดดี แมค) ลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ซึ่งแฟนนี เม และเฟรดดี แมค เป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลักของประเทศ พุ่งขึ้น 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือน จากระดับ 6.4% ของเดือนมิ.ย. เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารสูงขึ้น
-- สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนปรับตัวขึ้น 7.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค.
-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เผยปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ของญี่ปุ่นในเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อนหน้านี้
-- รายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 11 - 12 ก.ค.ชี้ว่า คณะกรรมการบริหารบางคนของบีโอเจแนะนำให้ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมผ่อนปรนนโยบายเงินตราเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ที่ประชุมมีมติให้เลื่อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายออกไปก่อน โดยทางคณะกรรมการบริหารจะยังคงจับตาผลกระทบจากการใช้มาตรการผ่อนปรนในช่วงดังกล่าว
-- โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) ประกาศว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 5.7176 แสนล้านเยนในช่วงไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน เนื่องจากบริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลในการรับมือวิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ อีกทั้งค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าก็ปรับตัวสูงขึ้น
-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายหลังจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคหลังตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างรุนแรงในระยะนี้
-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 6.75% ในการประชุมวันนี้
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนก.ค.ขยายตัวขึ้น 17.2% จากปีที่แล้ว แตะ 1.4408 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 2.22 แสนล้านดอลลาร์
-- กลุ่มธุรกิจส่งออกจีนอาจจะต้องเผชิญกับการขยายตัวที่ชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากปัจจัยกดดันจากค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น และความต้องการจากตลาดสหรัฐที่ลดลง
-- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยในรายงานติดตามสถานการณ์ตลาดทุนเอเชีย (Asia Capital Markets Monitor) ในวันนี้ โดยระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียจำเป็นจะต้องใช้นโยบายที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งลดความผันผวนที่มีอยู่มากเกินไป และรักษาระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป