นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คเช้าวันนี้หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ โดยแสดงความขอบคุณผู้ที่แสดงความยินดีและให้กำลังใจ และขอบคุณนายกรับมนตรีและพรรคเพื่อไทยที่ให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่ และจะทำหน้าที่อย่างดีสุดเต็มความสามารถ
พร้อมกันนั้น นายธีระชัย ยังชี้แจงคำถามที่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน โดยยืนยันที่จะดำเนินนโยบายให้ความสำคัญในเรื่องวินัยการเงินการคลังอย่างมาก แม้ไม่ได้มีส่วนในการร่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่พร้อมสนับสนุนนโยบายทุกด้าน เนื่องจากเป็นแนวคิดที่ต้องการจะปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยที่ตนเองพร้อมสนับสนุนเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการพิจารณาเรื่องความยั่งยืนทางฐานะการคลังควบคู่ไปด้วย เพื่อประสานความใฝ่ฝันทางการเมืองให้พอดีกับความเป็นไปได้ทางวิชาการ จึงจะขอทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างข้าราชการและนโยบายของพรรคให้มีความกลมกลืนกันให้มากที่สุด
"ผมจะให้ความสำคัญเรื่องวินัยทางการคลังเป็นอย่างมาก ผมเองยอมรับว่าไม่ได้มีส่วนในการร่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่ผมก็เห็นด้วยกับแนวความคิดเหล่านี้ เนื่องจากเป็นแนวคิดที่ต้องการจะปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ผมจึงจะให้การสนับสนุนเต็มที่"นายธีระชัย ระบุ
นายธีระชัย ระบุว่า นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลต่อเงินเฟ้อในลักษณะเพิ่มต้นทุน(cost push)จึงจะมีผลทำให้ระดับราคาสูงขึ้นไปเพียงรอบเดียวในปีที่มีการขึ้นค่าแรง ไม่ใช่มีผลต่อเนื่องซ้ำๆ ทุกปีเหมือนกรณีที่เกิดเงินเฟ้อจากเศรษฐกิจโดยรวมร้อนแรงเกินไป (demand pull)ดังนั้น จึงเป็นที่น่ากังวลน้อยกว่ากรณีเศรษฐกิจร้อนแรง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์จะต้องดูแลให้การปรับขึ้นราคาสินค้านั้นเป็นไปอย่างเหมาะสมเท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น และคาดว่าผู้ประกอบการส่วนหนึ่งจะสามารถรับภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจากกำไรที่ลดลงไปบ้างโดยไม่ปรับขึ้นราคาขายสินค้า เห็นว่า วิธีปรับตัวที่ดีที่สุดก็คือให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (productivity)
โดยให้ดูตัวอย่าง เช่น ประเทศบราซิลที่มีการเก็บเงินจากรายได้ที่ได้จากการขุดน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินำไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วย SME ในการฝึกอบรมคนงาน เพิ่มทักษะในการผลิต วิจัยพัฒนาขั้นตอนการผลิตให้เร็วขึ้นและให้ต้นทุนต่ำลง รวมทั้งพัฒนารูปแบบหรือลักษณะของสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม (value add) ที่สูงขึ้น ซึ่งจะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการทำนองนี้
ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ผลิตสินค้าแบบเดิมๆ ซึ่งใช้แรงงานสัดส่วนสูงนั้น ย่อมจะถูกกระทบมากกว่ารายอื่น แต่ก็ควรถือโอกาสนี้ช่วยกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาทั้งรูปแบบสินค้าและวิธีการทำงานให้ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งตนเองจะหารือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องนี้ให้เต็มที่
สำหรับปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปจะกระทบต่อไทยอย่างไรนั้น จะทำให้ต้องคิดอ่านนำเอามาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้ามาใช้หรือไม่ นายธีระชัย ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปที่อ่อนตัวแสดงว่าในอนาคตประเทศในเอเชียจำเป็นจะต้องหันมาพึ่งความต้องการภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งขบวนการปรับค่าแรงขั้นต่ำและระบบสวัสดิการนั้นเป็นนโยบายที่เหมาะสำหรับเอเชียอยู่แล้วหากดำเนินการในระดับที่เหมาะสม จึงหวังว่าประเทศเอเชียอื่นๆ จะคิดดำเนินการในลักษณะนี้ด้วย
ทั้งนี้ ในอนาคตเอเชียต้องพึ่งการค้าขายภายในประเทศมากขึ้นและการค้าขายระหว่างเอเชียด้วยกันมากขึ้น เอเชียควรจะลงทุนในประเทศเอเชียกันเองมากขึ้น
ขณะที่ปัญหาด้านเงินทนไหลเข้านั้น เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มน่าสนใจน้อยกว่าเอเชีย ย่อมจะมีผลทำให้นักลงทุนสากลให้ความสนใจลงทุนในเอเชียมากขึ้น ดังนั้นธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ในเอเชียจึงจำเป็นจะต้องติดตามวิเคราะห์สถานการณ์อย่างไกล้ชิด แต่ในชั้นนี้ยังไม่มีความคิดที่จะมีมาตรการใดๆ เป็นการเฉพาะ