กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ระบุว่า ความเสี่ยงขาลงที่มีต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์ได้เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าผลกระทบจากราคาน้ำมันสูงและปัญหาติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม
โดยในช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงฯ ได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสอง ที่ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเมื่อช่วงกลางเดือนก.ค.ที่ 0.5%
เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เศรษฐกิจไตรมาสสองของสิงคโปร์หดตัว 6.5% จากไตรมาสแรก ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ติดลบถึง 7.8%
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจีดีพีที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดจะดีขึ้น แต่สิงคโปร์ตัดสินใจปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศตลอดทั้งปีนี้เป็น 5-6% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 5-7%
กระทรวงฯ คาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะได้รับปัจจัยหนุนจากภาคอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่ม อาทิ การฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ และการขยายตัวของภาคบริการการเงิน แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ความเสี่ยงขาลงเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสอง และวิกฤตหนี้ที่ลุกลามหลายประเทศในสหภาพยุโรป
"หากสถานการณ์เหล่านี้เลวร้ายลง เศรษฐกิจของสิงคโปร์อาจขยายตัวต่ำกว่าคาดได้" โดยกระทรวงฯ ระบุว่า ความวิตกกังวลเรื่องภาวะถดถอยรอบสองในสหรัฐอเมริกาปรากฏขึ้น อันเนื่องมาจากแผนการปรับลดยอดขาดดุลการคลัง ตลอดจนตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดแรงงานที่อ่อนแอได้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภคร่วงลง
"การลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐเมื่อเร็วๆนี้ได้นำไปสู่ความผันผวนในตลาดการเงินและความไม่แน่นอนต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น" กระทรวงฯ ระบุเพิ่มเติม