นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กล่าวถึงค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) งวดใหม่เดือน ก.ย.-ธ.ค.54 ว่า กกพ.จะนัดประชุมกลางเดือน ส.ค.นี้เพื่อพิจารณาค่าไฟฟ้างวดใหม่ ซึ่งจะปรับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับ 3 เงื่อนไขหลัก ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน, ปริมาณการใช้ไฟฟ้า และค่าเชื้อเพลิง
"ในช่วง 1 สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันลดลง หากลดลงต่อเนื่อง อาจจะเป็นข่าวดีจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงก็ได้" นายดิเรกกล่าว
อย่างไรก็ตาม ค่าเอฟทีงวดใหม่ยังได้ประโยชน์จากการที่ กกพ.ปรับเรียกเงินค่าลงทุนจาก 3 การไฟฟ้าที่ไม่ได้ลงทุนตามแผนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ค่าเอฟทีอย่างน้อยจะลดลงได้ 6 สตางค์/หน่วย แต่จะลดลงทีเดียวทั้งหมดหรือไม่ คงต้องรอการประชุมกลางเดือนนี้
นายดิเรก ยังกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย โดยใช้ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้มิเตอร์ขนาด 5 แอมแปร์นั้น รัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้ เช่น กรณียกเลิกนโยบายนี้ไปเลยก็จะไม่มีผู้ใช้ไฟฟรีในทุกภาคส่วน หรือคงนโยบายแต่เปลี่ยนแปลงในรายละเอียด โดยหากไม่ให้ภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและใหญ่รวมทั้งผู้ใช้ไฟภาคก่อสร้างมารับภาระในอัตรา 12 สตางค์/หน่วย ก็สามารถปรับไปใช้นโยบายเดิม คือ ภาครัฐจ่ายงบประมาณเข้ามาสนับสนุนสำหรับผู้ใช้ไฟฟรี มีวงเงินราว 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายก็จำเป็นต้องไปเปลี่ยนแปลงมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ซึ่ง กกพ.จึงจะได้ปรับเปลี่ยนค่าไฟตามนโยบายดังกล่าว
อนึ่ง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เตรียมจะเสนอรัฐบาลใหม่ให้ยกเลิกการรับภาระค่าไฟฟรีโดยภาคเอกชน ซึ่งเป็นภาระในอัตรา 12 สตางค์/หน่วย