นายโจว หวังจุน รองผู้อำนวยการแผนกราคาของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) กล่าวว่า NDRC จะออกมาตรการ 4 มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพระดับราคาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
มาตรการทั้ง 4 อย่างประกอบไปด้วย: มาตการแรก, NDRC จะแก้ไขการเรียกเก็บเงินที่ไม่เป็นธรรมในกระบวนการหมุนเวียน, ตลาดสินค้าเกษตร, และ ซูเปอร์มาร์เก็ต; มาตรการที่สอง, NDRC จะผลักดันให้รัฐบาลท้องถิ่นสร้างกลไกเพื่อเชื่อมโยงระบบสวัสดิการสังคมเข้ากับระดับราคา; มาตรการที่สาม, มาตรการต่อต้านการกักตุนสินค้า การเก็งกำไร และ การผูกขาด จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด; และมาตรการสุดท้าย, NDRC จะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มปริมาณสต๊อกธัญพืช เนื้อหมู และ ผัก
การแสดงความคิดเห็นของนายโจวมีขึ้นหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือนที่ 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากถูกผลักดันโดยราคาอาหารที่พุ่งขึ้น 14.8%
นอกจากนี้ นายโจวยังคาดว่า ราคาอาหารจะยังอยู่ในระดับสูงในครึ่งหลังปีนี้ แต่ระดับราคาโดยทั่วไปอาจลดลงเนื่องจากผลกระทบตั้งแต่เดือนสิงหาคมได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
-- สินค้าเกษตรหลายรายการยังปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่แปรปวนอย่างรุนแรงทั่วโลก โบรกเกอร์คาดว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้นแต่จะปรับตัวขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันปรุงอาหาร อาหารปศุสัตว์ และ ผลิตภัณฑ์ประมง เนื่องจากนโยบายส่งเสริมจากรัฐบาล
-- กระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) รายงานว่า ราคาเนื้อหมูในจีนยังคงทรงตัวในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
ราคาเนื้อหมูที่อยู่ในระดับสูงกลายเป็นประเด็นความวิตกกังวลระดับประเทศ เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ได้พุ่งแตะสถิติสูงสุดในรอล 37 เดือนที่ 6.5% ในเดือนกรกฎาคม โดยข้อมูลสถิติจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ราคาเนื่อหมูพุ่งขึ้นเกือบ 57% ในเดือนดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน ราคาค้าส่งผัก 18 รายการ ได้ตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 2.8% ในสัปดาห์ก่อนจากราคาในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เนื่องจากมีอุปทานอย่างพอเพียง อย่างไรก็ตาม MOC คาดว่า ราคาจะปรับตัวลดลงไม่มากนักในอนาคตเนื่องจากผลกระทบจากพายุฤดูร้อยหมุ่ยฟ้า ที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศรวมทั้งทำให้การผลิตและการขนส่งในท้องถิ่นต้องหยุดชะงักลงเมื่อสัปดาห์ก่อน
-- ข้อมูลสถิติล่าสุดจากกรมศุลกากรจีนระบุว่าว่า จีนนำเข้าข้าวโพดทั้งสิ้น 2.4 ล้านตันในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 930 ล้านดอลลาร์ ลดลง 18.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยอดนำเข้าในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 490,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.197 ล้านดอลลาร์
-- กรมศุลกากรจีนรายงานว่า จีนส่งออกน้ำตาลทั้งสิ้น 40,180 ตันในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 33.118 ล้านดอลลาร์ ลดลง 35.3% เมื่อเทียบปีต่อปี
ยอดส่งออกในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 4,501 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4.19 ล้านดอลลาร์
-- กรมศุลกากรจีนเปิดเผยว่า จีนส่งออกข้าวทั้งสิ้น 261.529 ตันในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 192.797 ล้านดอลลาร์ ลดลง 34.6% เมื่อเทียบปีต่อปี
ยอดส่งออกในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 12,101 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7.82 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน