สมาคมประกันชีวิตไทย เผยเบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งธุรกิจเมื่อสิ้นไตรมาส 2/54 มีจำนวนทั้งสิ้น 156,414.3 ล้านบาท เติบโตจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 13.7 จำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ (เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก รวมกับ เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว) จำนวน 47,299.5 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป จำนวน 109,114.8 ล้านบาท
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันชีวิตในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น การเพิ่มสิทธิในการนำเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับประกันชีวิตแบบบำนาญในวงเงินจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท เพิ่มเติมจากเบี้ยประกันชีวิตแบบปกติที่ได้รับสิทธิอยู่เดิมแล้วจำนวน 100,000 บาท
การเผยแพร่ความรู้การประกันชีวิตสู่ประชาชนในรูปแบบต่างๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้มีความหลากหลายและรองรับความต้องการของประชาชน การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความสะดวกสะบายมากขึ้น การพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพของตัวแทนประกันชีวิตให้มีความรู้และมีความเป็นมืออาชีพ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนส่งผลอย่างต่อเนื่องให้ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบ ณ วันที่ 30 มิ.ย.54 มีจำนวน 156,414.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 18,850.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 และคาดว่า ณ สิ้นปี 54 เบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 339,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เป็นไปตามที่ได้มีการประมาณการไว้
สมาคมประกันชีวิตไทย เชื่อมั่นว่าปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นน่าที่จะเป็นตัวส่งเสริม กระตุ้น และผลักดันให้ธุรกิจประกันชีวิตสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับช่วงเวลาครึ่งหลังของปี 54 ส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 339,000 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นปี 54
นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มของธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 54 การที่รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ได้มีการกำหนดนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างแรงงาน รายได้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำเศรษฐกิจของประเทศเติบโต และทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อและกำลังเงินออมมากขึ้นตามไปด้วย แนวโน้มทิศทางของอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในช่วงเวลาขาขึ้นและคาดว่าจะคงทิศทางเช่นนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้าจะส่งผลให้ประชาชนโดยทั่วไปหันมาเก็บออมเงินกับสถาบันการเงินต่างๆมากขึ้น
การประกาศใช้บังคับของตารางอัตรามรณะใหม่ ที่ส่งผลให้อัตราเบี้ยประกันชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงโดยบางแบบประกันชีวิตเบี้ยประกันชีวิตจะลดต่ำลงกว่าที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ส่งผลให้ประชาชนหันมาออมเงินและซื้อความคุ้มครองกับการประกันชีวิตเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการที่ธุรกิจประกันชีวิตเองที่มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตต่างๆให้มีความหลากหลายและสามารถเข้ามารองรับการออมของประชาชน ซึ่งแนวโน้มคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลประโยชน์ของความคุ้มครองให้มากขึ้น นอกเหลือจากการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขระยะเวลาคุ้มครองให้ยาวนานยิ่งขึ้นเช่นกัน