เยอรมนีเรียกร้องให้มีการสั่งห้ามการยืมหุ้นมาขายก่อนล่วงหน้า หรือการทำชอร์ตเซลทั่วทวีปยุโรป เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไร หลังจากที่สี่ประเทศในยูโรโซนได้นำร่องออกคำสั่งห้ามดังกล่าวแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายในตลาดระยะนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายมาร์ติน คอทท์เฮาส์ โฆษกกระทรวงการคลังของเยอรมนี ระบุในอีเมลที่ส่งถึงสื่อมวลชน โดยแสดงการสนับสนุนมาตรการห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงินเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งประกาศโดยฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเบลเยียม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เขาระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีกำลังผลักดันการห้ามทำชอร์ตเซลสำหรับหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน (naked short-selling) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และตราสาร CDS (credit default swaps) เนื่องจากเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถจัดการกับการเก็งกำไรได้อย่างมั่นใจ
ทั้งนี้ ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ยุโรป (ESMA) ได้เรียกร้องให้ผู้นำยุโรปพิจารณาถึงแผนการสั่งห้ามทำชอร์ตเซลภายในทวีปยุโรปเช่นกัน ในขณะที่ตลาดทั่วโลกเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมาก ท่ามกลางข่าวลือว่าฝรั่งเศสอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ตลอดจนความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และปัญหาสภาพคล่องของธนาคารรายใหญ่บางแห่งของยุโรป
ในการซื้อขายแบบชอร์ตเซลนั้น นักลงทุนจะขายหุ้นที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของหรือถืออยู่ในมือ แต่ไปยืมหุ้นมาขาย เมื่อคาดว่าราคาหุ้นตัวนั้นกำลังจะตกลง เป็นวิธีการที่นักลงทุนสามารถสั่งขายหุ้นเมื่อราคาสูงขึ้น และซื้อคืนในภายหลังเมื่อราคาลดต่ำลง ซึ่งผู้ลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาขายที่สูงกว่าราคาซื้อ
ทั้งนี้ในช่วงที่วิกฤตหนี้กรีซแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ค.2553 เยอรมนีเป็นประเทศเดียวที่สั่งห้ามการทำชอร์ตเซลแบบ naked short-selling เพื่อควบคุมการเก็งกำไร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของเยอรมนีถูกประเทศในยุโรปและนักสังเกตการณ์ในตลาดวิพากษ์วิจารณ์
ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็เคยสั่งห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ รวมหลายร้อยแห่งเป็นการชั่วคราว หลังจากการล้มละลายของเลห์แมน บาร์เธอร์ส ในเดือนก.ย.2551