นายลู่ เจิ้นเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไชน่า อินดัสเทรียล แบงก์ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์คาดการณ์ว่า จีนจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 เมื่อเทียบกับสหรัฐที่จะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินในปัจจุบัน
ทั้งนี้ นายลู่คาดว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) อีก 1 หรือ 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงมาก อย่างไรก็ตาม นายลู่ยอมรับว่า วิกฤตหนี้ของสหรัฐที่สร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลกนั้น จะทำให้ยากแก่การกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนที่ธนาคารกลางจีนจะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
นายลู่คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่สหรัฐจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการประกาศใช้มาตรการดังกลาว
นอกจากนี้ นายลู่กล่าวว่า รัฐบาลจีนควรจะปรับนโยบายการเงินโดยอิงสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ ไม่ว่าสหรัฐจะใช้มาตรการ QE3 หรือไม่ก็ตาม ซึ่งการดำเนินการที่มีจุดยืดอันชัดเจนเช่นนี้จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้รับผลกระทบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน