(เพิ่มเติม) "กิตติรัตน์"คาด GDP ปีนี้อาจโตเพิ่ม 1% จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 16, 2011 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใน 1 ปี หากไม่มีผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโตอย่างน้อย 1% แน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องอยุ่ภายใต้เงื่อนไข ราคาพลังงาน วัตถุดิบ อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งก็ยอมรับว่าจะเน้นในเรื่องการกระจายรายได้ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยมากกว่าการที่จะมองเพียงแค่อัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ

"จะให้ประมาณกะเกณฑ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ทำยาก จนถึงทำไม่ได้เลย เพราะต้องอยู่ภายใต้ข้อสมมติที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจต่างประเทศบ้าง เขายังซื้อสินค้าจากเราเหมือนเดิมหรือไม่ ถ้าสมมติว่าเขายังซื้อสินค้าจากเราในอัตราเข้มแข็งเหมือนเดิม การปรับเปลี่ยนตรงนี้ย่อมมีผลต่อการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเป็นอัตรา GDP มากขึ้นอย่างน้อย 1% แน่นอน"รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าว

ทั้งนี้ กว่าช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยจะพึ่งภาคการส่งออกเป็นสำคัญ แต่จากนี้ไป ความเข้มแข็งจากประเทศผู้ซื้อสินค้าจากไทยอาจจะไม่เหมือนเดิมการปรับเปลี่ยนทางด้านเศรษฐกิจ โดยพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศเป็นสิ่งที่ควรทำ

นายกิตติรัตน์ กล่าวถึง ในการพิจารณาร่างนโยบายในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ก่อนที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา เชื่อว่าในวันนี้จะมีมติในเรื่องของถ้อยคำที่ชัดเจนว่านโยบายเร่งด่วนจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง พร้อมกันนี้จะต้องนำร่างนโยบายไปจัดทำตารางภาคผนวกที่ผูกกับแนวปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและแนวปฏิบัติของรัฐบาลก่อนที่จะส่งให้สภาต่อไป

ในส่วนของร่างนโยบายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน หลักๆ คือ นโยบายเร่งด่วนจะมีประมาณ 10 กว่านโยบาย เช่น ในเรื่องการป้องกันปัญหายาเสพติด ถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ การปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้มีรายได้น้อยทั้งในภาคการเกษตและนอกภาคเกษตร รวมไปถึงค่าแรง 300 บาท เงินเดือนผู้จบปริญญาตรีใหม่ 15,000 บาท

และนโยบายของรัฐที่จะปฎิบัติตามกรอบภายใน 4 ปี ซึ่งอาจจะมีบางนโยบายเริ่มปฏิบัติได้ตั้งแต่ปีแรก โดยจะเป็นนโยบายที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและกีฬา รวมไปถึงความมั่นคง

"เชื่อว่านโยบายทั้งหมดที่ทางพรรคได้กลั่นกรอง เชื่อว่าพรรคร่วมก็เห็นด้วยเพราะกว่าที่จะออกร่างนโยบายตรงนี้ออกมาทางพรรคได้นำนโยบายจากทางพรรคและพรรคร่วมมาดูสรุปทั้งหมดแล้ว เป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายเพื่อต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนให้เกิดความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ เช่น นโยบายปรับลดภาษี จาก 30% เป็น 23% ได้เริ่มมีการตอบรับจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหลายบริษัทที่เห็นด้วย รวมถึงการเพิ่มค่าแรง เพราะถือว่าไม่ได้มีส่วนที่เป็นการเพิ่มภาระให้กับริษัทเหล่านั้นมากนัก" นายกิตติรัตน์ กล่าว

พร้อมกับ ยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการทบทวนนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมองว่าบางนโยบายการที่รัฐบาลเน้นการอุดหนุนให้กับประชาชน แต่การบริหารจัดการทำได้ยากลำบาก จึงควรเดินกลับไปสู่รูปแบบปกติ แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีว่าการในแต่ละกระทรวงให้มีการยกเลิกนโยบายใด แต่จำเป็นต้องมีการหารือกันหากจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายใดก็จะต้องอยู่ภายใต้การรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ