น.ส.มาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) หรือปปท.ภาคเอกชน เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ครีเอทีฟ อีโคโนมี) ต่อไป เพราะสามารถต่อยอดสร้างมูลค่าและคุณค่าได้อย่างดี และไม่ต้องการให้มองว่าเป็นโครงการของรัฐบาลก่อน โดยได้กำหนดว่าในอนาคตไทยจะมีรายได้จากเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ไม่ต่ำกว่า 20% ของจีดีพี หรือมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งไทยและต่างประเทศต้องการให้รัฐบาล ให้ความสำคัญกับการผลักดันยุทธศาสตร์เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาต่อไป โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้การสนับสนุนให้คนไทยคิดค้น และพัฒนางานด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงยังเป็นการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านนายสัตยะพล สัจจะเดชะ นายกสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะกรรมการปปท. ภาคเอกชน กล่าวว่า รัฐบาลควรจะมีแผนยุทธศาสตร์ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เพราะในปี 2558 ไทยและอาเซียนจะก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งไทยต้องเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ขณะนี้ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ไม่เช่นนั้น ไทยจะแข่งขันกับอาเซียนอื่นได้ลำบาก
"อยากฝากให้รัฐบาลเร่งผลักดันงานที่ค้างจากรัฐบาลที่แล้ว โดยเฉพาะกฎหมายความรับผิดของเจ้าของสถานที่ ที่ปล่อยปละให้ผู้เช่าสถานที่ หรือผู้ใช้สถานที่ กระทำการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งการใช้เป็นสถานที่เก็บสินค้าละเมิด หรือใช้เป็นสถานที่จำหน่าย เพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งหลายๆ ประเทศในยุโรปก็ได้มีกฎหมายในลักษณะนี้"นายสัตยะพลกล่าว