สำนักงานบรรเทาภัยแล้งและควบคุมอุทกภัยของจีนรายงานผ่านเว็บไซต์ว่า ภัยแล้งในปีนี้ไม่เลวร้ายเหมือนในปีที่ผ่านๆมา และจะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วงในวงจำกัดเท่านั้น
ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบพื้นที่เพาะปลูก 70.34 ล้าน mu (ราว 4.69 ล้านเฮคตาร์) ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 51% และจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้มากนัก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกสำคัญ
ปริมาณผลิตผลทางการเกษตรในฤดูร้อนที่เพิ่มขึ้นบวกกับผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วงที่น่าพอใจทำให้จีนคาดว่า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี และจะไม่ผลักดันให้ราคาสัญญาธัญพืชพุ่งสูงในอีกหลายเดือนข้างหน้า
-- กระทรวงพาณิชย์จีนรายงานผ่านเว็บไซต์ว่า ราคาผลิตผลเกษตรในจีนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 ส.ค. โดยราคาขายส่งเนื้อหมูขยับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ขณะที่ราคาเนื้อแกะเพิ่มขึ้น 0.3% เนื้อวัว 0.1% และเนื้อไก่ 0.2% ขณะที่ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำลดลง 0.8%
ขณะเดียวกัน ราคาขายส่งผัก 18 ชนิดเฉลี่ยแล้วยังคงลดลงอีก 0.4% เนื่องจากอุปทานในตลาดมีเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือน หรือตั้งแต่เดือนก.ค. 2551 อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องนี้ได้รับแรงผลักดันจากราคาอาหารที่พุ่งขึ้นถึง 14.8% จากปีก่อน โดยราคาเนื้อหมู ซึ่งถือเป็นอาหารหลักในประเทศจีน ทะยานขึ้นเกือบ 57% ในเดือนก.ค.
-- ราคาสัญญาผลิตผลเกษตรในตลาดต้าเหลียนและเจิ้งโจววานนี้ ปรับตัวลดลงโดยรวม โดยราคาน้ำตาลร่วงลงมากสุดกว่า 1%
การคาดการณ์ครั้งใหม่ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ประกาศเพิ่มผลตอบแทนตั๋วเงินระยะ 1 ปีอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งยิ่งกระพือความวิตกกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การเพิ่มผลตอบแทนตั๋วเงินเป็นเพียงความเคลื่อนไหวในตลาดและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ คาดว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆต่อไป เนื่องจากขาดปัจจัยชี้นำ