ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกหนี้ยุโรปฉุดเงินยูโรอ่อนเทียบดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ Friday August 19, 2011 07:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปอาจลุกลามไปยังระบบการธนาคารของสหรัฐ ขณะที่ค่าเงินฟรังค์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเงินฟรังค์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.61% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4335 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4423 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6518 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6542 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.560 เยน จากระดับ 76.590 เยน แต่พุ่งขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7935 ฟรังค์ จากระดับ 0.7905 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0402 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0539 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.89% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8213 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8371 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนแห่เข้าซื้อเงินฟรังค์ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 408,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 400,000 ราย

ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ของสหรัฐร่วงลง 3.5% แตะที่ 4.67 ล้านยูนิตต่อปี ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8% และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตมิดแอตแลนติกของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ -30.7 จุดในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ +3.2%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกหลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.9% จากเดิมที่คาดไว้ว่า จะขยายตัว 4.2% และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงสู่ระดับ 3.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขยายตัว 4.5%

มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า สหรัฐและยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยระบุว่า ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย โดยเฉพาะความล่าช้าในการดำเนินนโยบายและการตอบสนองต่อวิกฤตหนี้สาธารณะอย่างไร้ประสิทธิภาพในยุโรป รวมทั้งความขัดแย้งในเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในสหรัฐนั้น ได้สร้างแรงกดดันให้กับตลาดการเงิน และบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างมาก

ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐกำลังตรวจสอบสถานะการเงินของธนาคารยุโรปรายใหญ่ที่เข้ามาเปิดสาขาในสหรัฐ เพราะเกรงว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจจจะลุกลามเข้าสู่ระบบการธนาคารของสหรัฐ

เงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงยอดขายเชื้อเพลิง ขยายตัว 0.2% ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดการณ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ