หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีมุมมองในแง่บวกว่า ตัวเลขการส่งออกในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ได้ถึง 20% แม้จะมีความหวั่นวิตกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวไปจนถึงปี 2555 ก็ตาม
นางมารี เอลกา ปันเกสตู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มแง่บวกคือ การส่งออกในครึ่งปีแรกนี้ขยายตัวสูงมาก โดยเพิ่มขึ้นถึง 36.02% มาอยู่ที่เกือบ 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์จาก 7.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกทำให้เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลคาดการณ์มูลค่าการส่งออกในปีนี้ไว้สูงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26.8% จากปีที่แล้วซึ่งตัวเลขอยู่ที่เกือบ 158 แสนดอลลาร์
“เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในสหรัฐและยุโรป แต่ 70% ของการส่งออกของเราอยู่ที่เอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ประเทศต่างๆในอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์" สำนักข่าวซินหัวรายงานบทสัมภาษณ์ของนางมารี
“ตราบใดที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิกยังคงมีเสถียรภาพ เราก็สามารถหวังได้ว่า การส่งออกของเราจะเพิ่มขึ้น 20%"
นางมารียังกล่าวด้วยว่า ในการรับมือวิกฤตการณ์ในสหรัฐและยุโรปนั้น รัฐบาลจะต้องกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว โดยกำหนดเป้าหมายอยู่ที่ประเทศในแอฟริกา แอฟริกาใต้ และไนจีเรีย
นอกจากนี้ นางมารียังกล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าส่งออกส่วนมากเป็นประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งถ่านหิน น้ำมันปาล์ม โกโก้ กาแฟ และผลิตภัณฑ์จากการประมง
“เราจะเน้นความสนใจไปยังการเพิ่มการส่งออกสินค้าด้านการผลิต เนื่องจากจะมีการนำเข้าพืชมาจากจีนเพิ่มขึ้น" นางมารีกล่าว ก่อนจะเสริมว่า รัฐบาลจะกระตุ้นให้มีการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขั้นปลาย อาทิ น้ำมันปาล์มและแร่ธาตุแปรรูป พร้อมหนุนให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์ม สินค้าด้านการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ยาไปยังทวีปแอฟริกามากขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปีที่แล้ว ยอดการส่งออกของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 35.4% มาอยู่ที่ 157.73 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากสินค้าโภคภัณฑ์จากทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ น้ำมันปาล์มดิบ ถ่านหิน ยางและทองแดงมีราคาสูงขึ้น