นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในหลายประเทศทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อสูงบรรเทาลง ดังนั้น หากหยุดหรือชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ยคงไม่เป็นปัญหา ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นคงต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสม
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังคาดว่ายังเดินหน้าต่อไปได้ จากแรงส่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรกทำให้คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัว 4%
ดังนั้น การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีหลังไม่ควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเร่งสปีดผ่านนโยบายต่างๆ มากนัก เพราะต้องเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนข้างหน้ารออยู่ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะทั้งหนี้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เพราะหากเกิดปัญหาแล้วจะทำให้เศรษฐกิจพังได้ ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300/วันนั้น ภาคการเกษตรซึ่งใช้แรงงานมากที่สุดอาจได้รับผลกระทบต้องแบกรับภาระต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องดูแล
ด้านนายภาณุพงศ์ นิธิประภา คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังชะลอตัว ทำให้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นมาระยะยาว ย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนั้นคงไม่สามารถทัดทานกระแสดังกล่าวได้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือไปฝืนกระแสมากไม่ได้
สำหรับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้วยโครงการบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรกเป็นโครงการที่ช่วยเหลือคนจน ผู้มีรายได้น้อย แต่การคิดดอกเบี้ย 0% เป็นเวลาถึง 5 ปีถือว่านานเกินไป จะมีแนวทางแบบอื่นหรือไม่ ขณะที่การซื้อรถมีการลดราคาลงถึง 1 แสนบาท จะเป็นการแทรกแซงตลาดมากเกินไป และเห็นว่าการใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า โดยเฉพาะควรจะเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนสูงขึ้นจาก 14-15% ของงบประมาณทั้งหมด เป็น 25% ของงบประมาณ